Montag, 8. April 2019

ปัญหาและเฉลย(วิชาธรรม) นักธรรมชั้นโท ปี 2543

ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง พ.. ๒๕๔๓
วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๔๓
------------------------------
.
.๑ ปริเยสนา ๒ อย่างตามความในพระสูตรท่านแสดงไว้อย่างไร ?
.๒ ภิกษุควรแสวงหาเลี้ยงชีพอย่างไรจึงเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ ?
ตอบ:
.
แสดงว่า แสวงหาสิ่งอันมิใช่ของมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลส เป็นธรรมดา คือธรรมอันเกษมมีพระนิพพานเป็นอย่างสูง จัดเป็นอริย ปริเยสนา แสวงหาสิ่งอันมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลสเป็นธรรมดา ทั้งที่สภาพเช่นนั้นก็มีในตนอยู่พร้อมแล้ว จัดเป็นอนริยปริเยสนา
.
ภิกษุแสวงหาเลี้ยงชีพโดยอุบายอันสมควร ทั้งไม่เป็นโลกวัชชะมีโทษทางโลกและไม่เป็นปัณณัตติวัชชะ มีโทษทางพระบัญญัติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนและผู้อื่นจึงจะเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ

.
.๑ ปรีชาหยั่งรู้อะไรจัดเป็นกิจจญาณ ?
.๒ สิกขาคืออะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?

ตอบ:
.
ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกข์เป็นธรรมชาติที่ควรกำหนดรู้ ทุกขสมุทัยเป็นสภาพที่ควรละเสีย ทุกขนิโรธเป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นธรรมชาติที่ควรทำให้เกิด จัดเป็นกิจจญาณ
.
ปฏิปทาที่ตั้งไว้เพื่อศึกษา คือฝึกหัดไตรทวารไปตาม ชื่อว่าสิกขา มี ๓ อย่างคือ อธิสีลสิกขา สิกขาคือศีลยิ่ง ๑ อธิจิตตสิกขา สิกขาคือจิตยิ่ง ๑
อธิปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญายิ่ง ๑

.
.๑ อัปปมัญญา ๔ กับพรหมวิหาร ๔ ต่างกันอย่างไร ?
.๒ อะไรเรียกว่า อริยวงศ์ ? แจกออกเป็นเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ:
.๑ ต่างกันอย่างนี้คือ อัปปมัญญาได้แก่การแผ่โดยไม่เจาะจงตัว และไม่มีจำกัด ส่วนพรหมวิหารได้แก่การแผ่โดยเจาะจงตัว หรือโดยไม่เจาะจงตัวแต่ยังจำกัดมุ่งเอาหมู่นี้หมู่นั้น
.๒ ปฏิปทาของพระอริยบุคคลผู้เป็นสมณะเรียกว่า อริยวงศ์ แจกออกเป็น ๔ คือ
) สันโดษด้วยจีวรตามมีตามเกิด
) สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามเกิด
) สันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามเกิด
) ยินดีในการเจริญกุศลและในการละอกุศล

.
.๑ อุปาทานคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
.๒ กำเนิด ๔ มีอะไรบ้าง ?
ตอบ:
.
คือการถือมั่นข้างเลว ได้แก่การถือรั้น มี ๔ คือ
กามุปาทาน ถือมั่นในกาม ๑ ทิฏฐุปาทาน ถือมั่นทิฏฐิ ๑
สีลัพพตุปาทาน ถือมั่นศีลพรต ๑ อัตตวาทุปาทาน ถือมั่นวาทะ
ว่าตน ๑
.๒ คือ
ชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑ อัณฑชะ เกิดในไข่ ๑

สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑ โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑
.
.๑ การสำรวมระวังปิดกั้นอกุศลเรียกว่าอะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
.๒ สติสังวร สำรวมด้วยสตินั้น มีอธิบายอย่างไร ?
ตอบ:
.๑ เรียกว่า สังวร มี ๕ คือ
) สีลสังวร สำรวมด้วยศีล
) สติสังวร สำรวมด้วยสติ
) ญาณสังวร สำรวมด้วยญาณ
) ขันติสังวร สำรวมด้วยขันติ
) วิริยสังวร สำรวมด้วยความเพียร
.
มีอธิบายว่า สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้นระวังรักษามิให้อกุศลธรรมเข้า ครอบงำ เมื่อเห็นรูปเป็นต้น ทั้งมีสติไม่ฟั่นเฟือนลืมหลง ระลึกได้ก่อนแต่ทำ พูด คิด ไม่ให้ผิดทางกาย วาจา ใจ ไม่ประมาทหลงทำกรรมชั่ว

.
.๑ ทำไมท่านจึงเปรียบวิสุทธิ ๗ เหมือนรถ ๗ ผลัด ?
.๒ อะไรจัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ?
ตอบ:
.
เพราะวิสุทธิ ๗ นี้ เป็นปัจจัยส่งต่อกันขึ้นไปเพื่อบรรลุพระนิพพาน ท่านจึงเปรียบเหมือนรถ ๗ ผลัดต่างส่งต่อซึ่งคนผู้ไปให้ถึงสถานที่ปรารถนา
.
วิปัสสนาญาณ ๙ จัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ

.
จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
.๑ ภควา ๗.๒ โอปนยิโก
ตอบ:
.
ภควา คือพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นผู้มีโชค คือจะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ อีกอย่างหนึ่งเป็นผู้จำแนกแจกธรรม
.
โอปนยิโก คือพระธรรมมีคุณควรน้อมเข้ามาในใจของตนหรือควรน้อมใจเข้าไปหาพระธรรมนั้นด้วยการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในใจ

.
.๑ บารมีคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
.๒ สังโยชน์อะไรเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ ? มีอะไรบ้าง ?
ตอบ:
.
คือคุณสมบัติหรือปฏิปทาอันยวดยิ่ง
มี ๑๐ อย่าง คือ ทาน ๑ ศีล ๑ เนกขัมมะ ๑ ปัญญา ๑ วิริยะ ๑
ขันติ ๑ สัจจะ ๑ อธิษฐาน ๑ เมตตา ๑ อุเบกขา ๑
.
สังโยชน์เบื้องต่ำคืออย่างหยาบเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ มี ๕ อย่างคือ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ กามราคะ ๑ ปฏิฆะ ๑

.
จงอธิบายคำต่อไปนี้
.๑ มิจฉาสมาธิ ๙.๒ สัมมาสมาธิ
ตอบ:
.
มิจฉาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ผิด โดยนำสมาธิที่ได้นั้นไปใช้ในผิดทาง เช่น สะกดจิตในทางหาลาภให้แก่ตนเอง ในทางหาผลประโยชน์ ทำให้ผู้อื่นหลงงมงายในวิชาความรู้ ในทางให้ร้ายผู้อื่นและในทางนำให้หลง
.
สัมมาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ชอบในองค์ฌาน ๔ หรือมีนัยตรงกันข้ามกับ มิจฉาสมาธิข้างต้น

๑๐.
๑๐.๑ ธุดงค์ ๑๓ ท่านกล่าวว่า เป็นวัตรจริยาพิเศษอย่างหนึ่งไม่ใช่ศีลนั้น คืออย่างไร ?
๑๐.๒ ธุดงค์นั้น ท่านบัญญัติไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ:
๑๐.
คือการสมาทานหรือข้อที่ถือปฏิบัติจำเพาะผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติไม่มีโทษ มีแต่ให้คุณแก่ผู้ถือปฏิบัติ
๑๐.
เพื่อเป็นอุบายบรรเทาขัดเกลาและกำจัดกิเลส เป็นไปเพื่อความมักน้อยและสันโดษ เป็นต้น

------------------------------
 


Keine Kommentare: