Mittwoch, 10. April 2019

ปัญหาและเฉลย(วินัยบัญญัติ) นักธรรมชั้นโท ปี 2543


ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง พ.. ๒๕๔๓
วันเสาร์ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๔๓
------------------------------

.
.๑ สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์เรียกว่าอะไร ? ทรงบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์อะไร ?
.๒ กายบริหาร ข้อที่ ๓ และข้อที่ ๗ มีความว่าอย่างไร ?
ตอบ:
.๑ เรียกว่า อภิสมาจาร ทรงบัญญัติไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของภิกษุ และเพื่อความงามของพระศาสนา เช่นเดียวกับตระกูลใหญ่ จำต้องมีขนบธรรมเนียมและระเบียบไว้รักษาเกียรติและความเป็นผู้ดีของตระกูล
.๒ มีความว่าดังนี้
ข้อที่ ๓ อย่าพึงไว้เล็บยาว การขัดมลทินหรือแคะมูลเล็บเป็นกิจควรทำ
ข้อที่ ๗ อย่าพึงแต่งเครื่องประดับต่างๆ เช่น ตุ้มหู สายสร้อยและแหวนเป็นต้น

.
.๑ บาตรที่ทรงอนุญาตมีกี่ชนิด ? อะไรบ้าง ? บาตรแสตนเลสจัดเข้าในชนิดไหน ?
.๒ บาตรที่ทรงห้ามมีกี่ชนิด ? อะไรบ้าง ?
ตอบ:

.๑ มี ๒ ชนิด คือ ๑ บาตรดินเผา ๒ บาตรเหล็ก บาตรแสตนเลสจัดเข้าในบาตรเหล็ก
.๒ มี ๑๑ ชนิด คือ ๑ บาตรทอง ๒ บาตรเงิน ๓ บาตรแก้วมณี ๔ บาตรแก้วไพฑูรย์ ๕ บาตรแก้วผลึก ๖ บาตรแก้วหุง ๗ บาตรทองแดง ๘ บาตรทองเหลือง ๙ บาตรดีบุก ๑๐ บาตรสังกะสี ๑๑ บาตรไม้

.
.๑ นิสัยคืออะไร ? เหตุให้นิสัยระงับมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
.๒ ภิกษุเช่นไรควรได้นิสัยมุตตกะ ?
ตอบ:
.๑ นิสัย คือ กิริยาที่พึ่งพิงของสัทธิวิหาริกและอันเตวาสิก ต่อพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์
เหตุให้นิสัยระงับจากพระอุปัชฌาย์ มี ๕ คือ ๑ หลีกไปเสีย ๒ สึกเสีย ๓ ตายเสีย ๔ ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๕ สั่งบังคับ
ส่วนเหตุให้นิสัยระงับจากพระอาจารย์ เพิ่มอีก ๑ ข้อ คือ อันเตวาสิกรวมเข้ากับพระอุปัชฌาย์ของเธอ
.๒ ภิกษุผู้ควรได้นิสัยมุตตกะ คือ
) เป็นผู้มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ สติ
) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยินได้ฟังมามาก มีปัญญา
) รู้จักอาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัติหนัก จำพระปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ ทั้งมีพรรษาพ้น ๕

.
.๑ วัตรคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
.๒ วัตถุอนามาสคืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
ตอบ:
.๑ วัตรคือแบบอย่างอันภิกษุควรประพฤติในกาลนั้น ๆ ในที่นั้น ๆ ในกิจนั้น ๆ แก่บุคคลนั้น ๆ มี ๓ อย่าง คือ ๑ กิจวัตร ๒ จริยาวัตร ๓ วิธิวัตร
.๒ วัตถุอนามาส คือวัตถุไม่ควรจับต้อง มีดังนี้
) ผู้หญิง รวมทั้งเครื่องแต่งกาย ทั้งรูปที่ทำมีสัณฐานเช่นนั้น และดิรัจฉานตัวเมีย
) ทอง เงิน และรัตนะ
) ศัสตราวุธ
) เครื่องดักสัตว์
) เครื่องประโคมทุกอย่าง
) ข้าวเปลือก และผลไม้อันเกิดอยู่ในที่

.
.๑ กิจอันสงฆ์จะพึงทำก่อนสวดปาฏิโมกข์มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
.๒ สงฆ์สวดปาฏิโมกข์อยู่ ภิกษุอื่นมาถึง หรือมาถึงเมื่อสวดจบแล้ว พึงปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ:
.๑ มี ๙ อย่างคือ ๑ กวาดโรงอุโบสถ ๒ ตามประทีป ๓ ปูอาสนะ
๔ ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ ๕ นำปาริสุทธิของภิกษุผู้เจ็บไข้มา ๖ นำฉันทะ
ของเธอมาด้วย ๗ บอกฤดู ๘ นับภิกษุ ๙ สั่งสอนนางภิกษุณี
.๒ พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ ถ้าภิกษุมาใหม่มากกว่าภิกษุที่ประชุมกันอยู่ ต้องสวดตั้งต้นใหม่ ถ้าเท่ากันหรือน้อยกว่า ส่วนที่สวดไปแล้วก็แล้วกันไป ให้ภิกษุที่มาใหม่ฟังส่วนที่ยังเหลืออยู่ต่อไป ถ้ามาเมื่อสวดจบแล้ว แม้มากกว่า ก็ไม่ต้องสวดซ้ำอีก ให้ภิกษุที่มาใหม่บอกปาริสุทธิในสำนักภิกษุ ผู้สวดผู้ฟังปาฏิโมกข์แล้ว

.
.๑ ความรู้อะไรบ้างที่จัดเป็นดิรัจฉานวิชา ?
.๒ ภิกษุประพฤติเช่นไรเรียกว่าทำศรัทธาไทยให้ตกไป ?
ตอบ:
.๑ ความรู้ที่จัดเป็นดิรัจฉานวิชา คือ
) ความรู้ในทางทำเสน่ห์
) ความรู้ในทางทำให้ผู้นั้นผู้นี้ถึงความวิบัติ
) ความรู้ในทางใช้ภูตผีอวดฤทธิ์เดชต่าง ๆ
) ความรู้ในทางทำนายทายทัก
) ความรู้อันทำให้หลงงมงาย เช่น หุงปรอท
.๒ ภิกษุรับของที่เขาถวาย เพื่อเกื้อกูลแก่พระศาสนาแล้ว ไม่บริโภค แต่ กลับนำไปให้แก่คฤหัสถ์เสีย ทำให้ผู้บริจาคเสื่อมศรัทธา เช่นนี้เรียกว่า ทำศรัทธาไทยให้ตกไป (ยกเว้น อนามัฏฐบิณฑบาต ทรงอนุญาตพิเศษ ให้แก่มารดาบิดาได้)

.
.๑ อเนสนาได้แก่อะไร ? มีอะไรบ้าง ?
.๒ การทำวิญญัติคือการทำอย่างไร ? จัดเข้าในอุปปถกิริยาประเภทไหน ?
ตอบ:
.๑ อเนสนาได้แก่ กิริยาแสวงหาเลี้ยงชีพในทางไม่สมควร แสดงโดยเค้ามี ๒ อย่างคือ
) การแสวงหาเป็นโลกวัชชะ มีโทษทางโลก
) การแสวงหาเป็นปัณณัตติวัชชะ มีโทษทางพระบัญญัติ
.๒ การทำวิญญัติ คือ การออกปากขอของต่อบุคคลที่ไม่ควรขอ หรือในเวลาที่ไม่ควรขอ เช่น ขอต่อคฤหัสถ์ที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณา ขอในยามปกติที่มิได้ทรงอนุญาต เป็นต้น จัดเข้าในอุปปถกิริยาประเภทอเนสนา

.
.๑ จงให้ความหมายของคำว่า กาลิก ยาวกาลิก ยามกาลิก สัตตาหกาลิก ยาวชีวิก
.๒ น้ำอ้อยเป็นกาลิกอะไร ?
ตอบ:
.๑ กาลิก คือของที่จะพึงกลืนให้ล่วงลำคอลงไป
ยาวกาลิก คือของที่ให้บริโภคได้ชั่วคราว ตั้งแต่เช้าชั่วเที่ยงวัน
ยามกาลิก คือของที่ให้บริโภคได้ชั่วคราว คือ ๑ วัน กับ ๑ คืน
สัตตาหกาลิก คือของที่ให้บริโภคได้ชั่วคราว ๗ วัน
ยาวชีวิก คือของที่ให้บริโภคได้เสมอ ไม่จำกัดกาล
.๒ ถ้าเป็นน้ำอ้อยสด จัดเป็นยามกาลิก
ถ้าเป็นน้ำอ้อยเคี่ยวจนแข้นแข็ง จัดเป็นสัตตาหกาลิก

.
.๑ อุกเขปนียกรรม สงฆ์ควรทำแก่ภิกษุผู้ประพฤติเช่นไร ?
.๒ อธิษฐาน (บริขาร) มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ:
.๑ ควรทำแก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติแล้วไม่ยอมรับว่าเป็นอาบัติ ที่เรียกว่า ไม่เห็นอาบัติ หรือยอมรับว่าเป็นอาบัติแต่ไม่แสดง ที่เรียกว่า ไม่ทำคืนอาบัติ
.๒ มี ๒ อย่างคือ
) อธิษฐานด้วยกาย คือเอามือลูบบริขารที่จะอธิษฐานนั้นเข้าทำความผูกใจตามคำอธิษฐาน
) อธิษฐานด้วยวาจา คือลั่นคำอธิษฐานนั้น ไม่ถูกของด้วยกายก็ได้

๑๐.
๑๐.๑ สมบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
๑๐.๒ ภิกษุประพฤติเช่นไร ได้ชื่อว่า โคจรวิบัติ ?
ตอบ:
๑๐.๑ มี ๔ คือ
) สีลสมบัติ
) อาจารสมบัติ
) ทิฏฐิสมบัติ
) อาชีวสมบัติ
๑๐.๒ ภิกษุไปสู่บุคคลก็ดี สถานที่ก็ดี อันภิกษุไม่ควรไป คือ หญิงแพศยา ๑ หญิงหม้าย ๑ สาวเทื้อ ๑ ภิกษุณี ๑ บัณเฑาะก์ ๑ ร้านสุรา ๑ ได้ชื่อว่า โคจรวิบัติ

ที่มาข้อมูล : http://www.gongtham.net/web/news.php

--------------------------
 
 

Keine Kommentare: