Donnerstag, 18. April 2019

ปัญหาและเฉลย(วิชาธรรม) นักธรรมชั้นตรี ปี 2548


 
ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๔๘
-------------------------------------------------

. ธรรมมีอุปการะมาก ได้แก่อะไรบ้าง ? บุคคลผู้ขาดธรรมนี้จะเป็นเช่นไร ?
ตอบ:
. ได้แก่ สติ ความระลึกได้ และ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ฯ จะเป็นคนหลงลืม
จะทำจะพูดหรือจะคิดอะไรมักผิดพลาด ฯ

. บุพพการีและกตัญญูกตเวที คือบุคคลเช่นไร ? จัดเป็นคู่ไว้อย่างไรบ้าง ?
ตอบ:
. บุพพการี คือบุคคลผู้ทำอุปการะก่อน กตัญญูกตเวที คือบุคคลผู้รู้อุปการะ
ที่ท่านทำแล้ว และตอบแทน ฯ จัดเป็นคู่ไว้ดังนี้ บิดามารดา กับ บุตรธิดา,
ครูอาจารย์ กับ ศิษย์, พระมหากษัตริย์ กับ ประชาราษฎร์, พระพุทธเจ้า กับ
พุทธบริษัท, เป็นต้น ฯ

. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ชื่อว่ารัตนะ เพราะเหตุไร ?
ตอบ:

. เพราะเป็นของมีคุณค่าและหาได้ยาก เหมือนเพชรนิลจินดามีค่ามาก นำประโยชน์
และความสุขมาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ฯ

. ธรรม ๔ อย่าง ดุจล้อรถนำไปสู่ความเจริญ ข้อว่า “คบสัตบุรุษ คือคนดี” นั้น
จะนำไปสู่ความเจริญได้อย่างไร ?
ตอบ:
. เมื่อคบสัตบุรุษแล้วย่อมเป็นเหตุให้คิดดีพูดดีทำดี อันก่อให้เกิดความสุขความเจริญ
ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน ทั้งยังให้ถึงความเจริญ
อย่างที่สุดคือพระนิพพานได้ ฯ

. ปัจจยปัจจเวกขณะ หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ:
. หมายความว่า พิจารณา (ถึงคุณและโทษของปัจจัย ๔) ก่อน จึงบริโภคปัจจัย ๔
คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัช ไม่บริโภคด้วยตัณหา ฯ

. ขันธ์ ๕ ได้แก่อะไรบ้าง ? ย่อเป็น ๒ ได้อย่างไร ?
ตอบ:
. ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ ฯ
รูปขันธ์จัดเป็นรูป ที่เหลือจัดเป็นนาม ฯ

. อปริหานิยธรรม คืออะไร ? ข้อที่ ๔ ความว่าอย่างไร ?
ตอบ:
. คือ ธรรมไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม เป็นไปเพื่อความเจริญฝ่ายเดียว ฯ
ข้อที่ ๔ ความว่า ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่เป็นประธานในสงฆ์ เคารพนับถือภิกษุ
เหล่านั้น เชื่อฟังถ้อยคำของท่าน ฯ

. ในมรรคมีองค์ ๘ คำว่า “เพียรชอบ” คือเพียรอย่างไร ?
ตอบ:
. คือ
เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นในสันดาน
เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน
เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม ฯ

. บุคคลจะได้รับประโยชน์ปัจจุบัน จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมอะไร ?
ตอบ:
. ต้องปฏิบัติตามหลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๔ ประการ คือ
. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น ในการประกอบกิจการงาน
ในการศึกษาเล่าเรียน ในการทำธุระหน้าที่ของตน
. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา ทั้งทรัพย์และการงาน ไม่ให้เสื่อมไป
. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว
. สมชีวิตา ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หาได้ ฯ


๑๐. มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความสุข พระพุทธศาสนาแสดงความสุขของผู้ครองเรือนไว้อย่างไร ?
ตอบ:
๑๐. แสดงไว้ ๔ อย่าง คือ
. สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์
. สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
. สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
. สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ ฯ


ผู้ออกข้อสอบ
:
.
พระธรรมกวี
วัดราชาธิวาส


.
พระเทพรัตนสุธี
วัดปทุมคงคา


.
พระราชวรมุนี
วัดดุสิดาราม
ตรวจ/ปรับปรุง
:

สนามหลวงแผนกธรรม


Keine Kommentare: