Sonntag, 14. April 2019

หลักสูตรธรรมศึกษาชั้นเอก (๑) กระทู้ธรรม

สารบัญ

เรื่อง / หน้า
กระทู้ธรรม
- อักษรย่อบอกนามคัมภีร์
- จิตตวรรค
- ธัมมวรรค
- วิริยวรรค ๑๓
- สามัคคีวรรค ๑๕
- อัปปมาทวรรค ๑๖
วิชาธรรม
- . นิพพิทา ความหน่าย ๑๙
- โทษของการหมกอยู่ในโลก ๒๐
- อาการสำรวมจิต ๒๑
- มารและบ่วงแห่งมาร ๒๑
- ปฏิปทาแห่งนิพพิทา ๒๒
- อนิจจตา ความไม่เที่ยง กำหนดรู้ได้ ๓ ทาง ๒๓
- สรุปอนิจจลักษณะแห่งสังขาร ๒๔

- อนิจจลักษณะได้ในสังขาร ๒ ๒๕
- อธิบายคำว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ๒๘
- อนัตตาไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ ๒๘
- ความหน่ายที่เรียกว่า นิพพิทา ๒๙
- ๒ วิราคะ ความสิ้นกำหนัด ๒๙
- ไวพจน์ คือ คำสำหรับเรียกแทนกัน ๓๐
- ๓ วิมุตติ ความหลุดพ้น ๓๒
- อาสวะเป็นไวพจน์แห่งกิเลส ๓๓
- วิมุตติ ๕ ๓๓
- ๔ วิสุทธิ ความหมดจด ๓๕
- บริสุทธิ์ด้วยปัญญา ๓๕
- วิปัสสนาญาณ ๙ ๓๖
- อีกบรรยายหนึ่ง ๓๗
- มรรค ๘ เทียบกับวิสุทธิ ๗ ๓๘
- ๕ สันติ ความสงบ ๔๐
- ๖ นิพพาน ๔๒
- นิพพาน ตามมติพระพุทธศาสนา ๔๓
- นิพพานเป็นอสังขตะ ๔๓
- นิพพานมี ๒ อย่าง ๔๓
- นิพพานศัพท์ ๒ ความหมาย ๔๔
- บาลีแสดงปฏิปทา ๔๔
- สรุปธรรมที่เป็นปฏิปทาแห่งนิพพาน ๔๕
- บาลีแสดงสอุปทิเสสนิพพาน ๔๖
- บาลีแสดงนิพพาน ๒ บรรยาย ๔๘
- สรุปวิธีปลูกฉันทะในนิพพาน ๕๐
- หัวใจสมถกัมมัฏฐาน
- กายคตาสติ ๕๑
- เมตตา ๕๓
- พุทธานุสสติ ๕๖
- กสิณ ๕๙
- จตุธาตุววัตถานะ ๖๑
- วิปัสสนากรรมฐาน ๖๕
- ลักษณะ กิจ ผล และเหตุของวิปัสสนา ๖๖
- วิธีเจริญวิปัสสนาตามนัยพระบาลี ๖๗
- วิธีเจริญวิปัสสนาตามนัยอรรถกถา ๖๘
ปฐมสมโพธิ์ และ พุทธานุพุทธประวัติ
- ชาติกถา กัณฑ์ที่ ๑ ๗๒
- ความเกิดของพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีได้ยาก ๗๔
- มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ๗๔
- อภิสัมโพธิกถา กัณฑ์ที่ ๒ ๗๘
- ประโยชน์จากการบำเพ็ญทุกรกิริยา ๘๐
- ทรงเลิกทุกรกิริยา ๘๑
- ตรัสรู้ ๘๑
- จตุตถฌานเป็นบาทแห่งอภิญญา ๘๒
- จตุตถฌานเป็นบาทแห่งวิปัสสนา ๘๒
- อรหัตมรรคญาณเป็นที่มาแห่งญาณทั้งปวง ๘๔
- ธัมมเทสนาธิฏฐานกถา กัณฑ์ที่ ๓ ๘๔
- พระธรรมจักกัปปวัตนสูตร กัณฑ์ที่ ๔ ๘๗
- อนัตตลักขณสูตร กัณฑ์คำรบ ๕ ๘๙
- จาริกกัณฑ์ กัณฑ์คำรบ ๖ ๙๑
- ทรงอนุญาตติสรณคมนุปสัมปทา ๙๓
- ราชคหคภัณฑ์ กัณฑ์ที่ ๗ ๙๔
- โปรดชฎิลพันหนึ่ง ๙๔
- โปรดพระเจ้าพิมพิสาร ๙๖
- ทรงได้อัครสาวก ๙๘
- ทรงบัญญัติอุปัชฌายวัตรและอาจริยวัตร ๙๙
- พุทธกิจกถา กัณฑ์ที่ ๘ ๑๐๐
- ทรงเตรียมพระองค์เพื่อบำเพ็ญสัตตูปการกิจ ๑๐๐
- ทรงบำเพ็ญสัตตูปการกิจ ๒ ประการ ๑๐๐
- อาการที่ทรงแสดงธรรม ๑๐๑
- วิธีฝึกคน ๓ ประการ ๑๐๑
- วิธีสอนคฤหัสถ์ผู้มีอินทรีย์แก่กล้า ๑๐๑
- อุบายวิธีแสดงธรรม ๔ ประการ ๑๐๒
- ธรรมที่เป็นเหตุให้พรหมจรรย์ตั้งอยู่ได้นานและ
เป็นประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ ๑๐๒
- ปัญญาที่กำหนดนามรูปโดยลักษณะทั้ง ๓
เป็นคุณเบื้องบนแห่งพรหมจรรย์ ๑๐๓
- ยถาภูตญาณทัสสนะเป็นเครื่องถอนคาหะ
ความยึดถือ ๓ ประการ ๑๐๓
- ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เป็นปปัญจธรรม ๑๐๔
- อนัตตานุปัสสนาละอัตตวาทุปาทาน ๑๐๔
- พระธรรมชื่อว่า สฺวากฺขาโต ( ตรัสไว้ดี ) ๑๐๕
- อาการที่ทรงบัญญัติพระวินัย ๑๐๕
- ความเป็นมาของ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา
สามเณร สามเณรี ๑๐๕
- ทรงอนุญาตการบรรพชาเป็นสามเณร ๑๐๖
- ทรงอนุญาตให้สตรีอุปสมบทเป็นภิกษุณี ๑๐๗
- วิธีบวชสามเณรี ๑๐๗
- นางสิกขมานา ๑๐๗
- สหธรรมิกบรรพชิต ๕ ๑๐๗
- ทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ
บัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุและภิกษุณี ๑๐๘
- ประโยชน์ที่มุ่งหมายแห่งพระธรรมวินัย ๑๐๘
- ทรงแสดงธรรมและบัญญัติวินัยเพื่อประกาศ
สัทธรรม ๓ ประการ ๑๐๙
- บริษัท ๔ ผู้ตั้งอยู่ในเอตทัคคสถาน ๑๐๙
- มหาปรินิพพานสูตร กัณฑ์ที่ ๙ ๑๑๓
- ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทด้วยสังเวคกถาและอัปปมาทธรรม ๑๑๔
- เวสาลีนาคาวโลก ทรงเหลียวกลับมาทอดพระเนตร
เมืองไพศาลี ๑๑๔
- ทรงแสดงไตรสิกขาว่าเป็นปฏิปทาแห่งวิมุตติ ๑๑๕
- วันที่นายจุนทะถวายปัจฉิมบิณฑบาต ๑๑๕
- เสด็จสู่กุสินารานคร ๑๑๖
- ประทมอุฏฐานไสยา ๑๑๖
- ทรงดับความเดือดร้อนใจของนายจุนทะ ๑๑๗
- ทรงเปล่งอุทาน ๑๑๗
- มหาปรินิพพานสูตร กัณฑ์ที่ ๙ ( ภาคหลัง ) ๑๑๗
- เสด็จถึงเมืองกุสินารา ประทมอนุฏฐานไสยา ๑๑๗
- ทรงยกย่องปฏิบัติบูชา ๑๑๘
- ทรงแสดงสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ๑๑๘
- ทรงแสดงสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ๑๑๘
- การบูชาพุทธสรีระเป็นกิจของคฤหัสถ์ ๑๑๘
- วิธีปฏิบัติในพระพุทธสรีระ ๑๑๙
- ถูปารหบุคคล ๔ ๑๑๙
- ทรงแสดงข้ออัศจรรย์ ๔ ประการ ในพระอานนท์ ๑๑๙
- ตรัสให้แจ้งข่าวปรินิพพานแก่พวกมัลลกษัตริย์ ๑๒๐
- โปรดสุภัททปริพาชก ๑๒๐
- ปัจฉิมสักขิสาวก ๑๒๑
- ทรงตั้งพระธรรมวินัยเป็นศาสดา ๑๒๑
- ประทานปัจฉิมโอวาท ๑๒๑
- ปรินิพพาน ๑๒๒
- ผู้กล่าวคาถาแสดงธรรมสังเวช ๑๒๒
- ธาตุวิภัชชนกถา กัณฑ์ที่ ๑๐
- ปรินิพพานได้ ๘ วัน ถวายพระเพลิง ๑๒๓
- ส่วนที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ ๑๒๓
- กษัตริย์และพราหมณ์ส่งทูตมาขอพระธาตุ ๑๒๓
- โทณพราหมณ์แจกพระธาตุ ๑๒๔
- โทณพราหมณ์ขอทะนานตวงพระธาตุ ๑๒๕
- โมริยกษัตริย์เชิญพระอังคารไปบรรจุ ๑๒๕
- ประเภทแห่งสัมมาสัมพุทธเจดีย์ ๑๒๕
- สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล เป็นพุทธเจดีย์ ๑๒๖
- พระพุทธรูปเป็นอุทเทสิกเจดีย์ ๑๒๖
- ธรรมเจดีย์ ๑๒๖
- เจดีย์ ๒ ประเภท ๑๒๖
- เจดีย์ทั้งหมดมี ๔ ประเภท ๑๒๗
- ความเป็นมาแห่งพระธรรมวินัย ๑๒๗
- สังคายนาครั้งที่ ๒ ๑๒๗
- สังคายนาครั้งที่ ๓ ๑๒๘
- ประวัติพระเถระ ๑๖ รูป ผู้เคยเป็นศิษย์พราหมณ์พาวรี ๑๒๙

กรรมบถ
- บทนำ ๑๔๕
- หลักสูตรวิชาวินัย ๑๔๗
- อกุศลกรรมบถ ๑๐ ๑๔๘
- อธิบายอกุศลกรรมบถโดยอาการ ๕ ๑๔๙
- ปาณาติบาต ๑๕๓
- โทษของปาณาติบาต ๑๕๔
- อทินนาทาน ๑๕๖
- โทษของอทินนาทาน ๑๕๖
- กาเมสุมิจฉาจาร ๑๕๘
- โทษของกาเมสุมิจฉาจาร ๑๕๙
- กายกรรมเป็นไปในทวาร ๒ ๑๖๑
- มุสาวาท ๑๖๒
- โทษของมุสาวาท ๑๖๒
- ปิสุณวาจา ๑๖๔
- โทษของปิสุณวาจา ๑๖๔
- ผรุสวาจา ๑๖๖
- โทษของผรุสวาจา ๑๖๗
- สัมผัปปลาปะ ๑๖๙
- โทษของสัมผัปปลาปะ ๑๗๐
- วจีกรรมเป็นไปในทวาร ๒ ๑๗๑
- อภิชฌา ๑๗๓
- อารมณ์ภายนอกเป็นเหตุเกิดอภิชฌาได้ ๑๗๓
- พยาบาท ๑๗๖
- มิจฉาทิฏฐิ ๑๘๐
- นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ อย่าง ๑๘๐
- โทษของมิจฉาทิฏฐิ ๑๘๑
- มโนกรรมเป็นไปในทวาร ๓ ๑๘๒
- โทษของอกุศลกรรมบถ ๑๐ ๑๘๔
- พฤติกรรมที่เป็นบาป ๔ อย่าง ๑๘๖
- คนชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว ๑๘๗
- กุศลกรรมบถ ๑๐ ๑๘๘
- คำว่า กุศลกรรมบถ แปลได้ ๒ นัย ๑๘๙
- ธรรมจริยาและสมจริยา ทางกายมี ๓ ๑๙๐
- ธรรมจริยาและสมจริยา ทางวาจามี ๔ ๑๙๐
- ธรรมจริยาและสมจริยา ทางใจมี ๓ ๑๙๑
- กุศลกรรมบถ ๑๐
ทำให้ได้มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และนิพพานสมบัติ ๑๙๕
- อุปนิสัย ๓ อย่าง ๑๙๕
- อธิบายกุศลกรรมบถ ๑๐ โดยอาการ ๕ ๑๙๗
- อานิสงส์ของกุศลกรรมบถ ๑๐ ๑๙๙
- สรุปกุศลกรรมบถ
- เครื่องมือสร้างความดี ๒๐๒
- คนดียิ่งกว่าคนดี ๒๐๗


**************************

อักษรย่อบอกนามคัมภีร์

องฺ. อฏฺฐก. องฺคุตฺตรนิกาย อฏฺฐกนิปาต
องฺ. จตุกฺก. “ จตุกฺกนิปาต
องฺ. ฉกฺ ฉกฺกนิปาต
องฺ. ติก. “ ติกนิปาต
องฺ. ทสก. “ ทสกนิปาต
องฺ. ปญฺจก. “ ปญฺจกนิปาต
องฺ. สตฺตก. “ สตฺตกนิปาต
ขุ. อิติ. ขุทฺทกนิกาย อิติวุตฺตก
ขุ. อุ. “ อุทาน
ขุ. ขุ. “ ขุทฺทกปาฐ
ขุ. จริยา. “ จริยาปิฏก
ขุ. จู. “ จูฬนิทฺเทส
ขุ. ชา. อฏฺฐก. ขุททกนิกาย ชาตก อฏฺฐกนิปาต
ขุ. ชา. อสีติ. “ อสีตินิปาต
ขุ. ชา. เอก. เอกนิปาต
ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. “ จตฺตาฬีสนิปาต
ขุ. ชา. จตุกฺก. “ จตุกฺกนิปาต
ขุ. ชา. ฉกฺก. “ ฉกฺกนิปาต
ขุ. ชา. ตึส. “ ตึสนิปาต
ขุ. ชา. ติก. “ ติกนิปาต
ขุ. ชา. เตรส. “ เตรสนิปาต
ขุ. ชา. ทฺวาทส. “ ทฺวาทสนิปาต
ขุ. ชา. ทสก. “ ทสกนิปาต
ขุ. ชา. ทุก. “ ทุกนิปาต
ขุ. ชา. นวก. “ นวกนิปาต


ขุ. ชา. ปกิณฺณก. ขุทฺทกนิกาย ชาตก ปกิณฺณกนิปาต
ขุ. ชา. ปญฺจก. “ ปญฺจกนิปาต
ขุ. ชา. ปญฺญาส. “ ปญฺญาสนิปาต
ขุ. ชา. มหา. “ มหานิปาต
ขุ. ชา. วีส. “ วีสตินิปาต
ขุ. ชา. สฏฺฐิ. “ สฏฺฐินิปาต
ขุ. ชา. สตฺตก. “ สตฺตกนิปาต
ขุ. ชา. สตฺตติ. “ สตฺตตินิปาต
ขุ. เถร. ขุททกนิกาย เถรคาถา
ขุ. เถรี. “ เถรีคาถา
ขุ. . “ ธมฺมปท
ขุ. ปฏิ. “ ปฏิสมฺภิทามคฺค
ขุ. พุ พุทฺธวํส
ขุ. มหา. “ มหานิทฺเทส
ขุ. สุ. “ สุตฺตนิปาต
ที. ปาฏิ. ทีฆนิกาย ปาฏิกวคฺค
ที. มหา. “ มหาวคฺค
. อุป. มชฺฌิมนิกาย อุปริปณฺณาสก
. . “ มชฺฌิมปณฺณาสก
สํ. นิ. สํยุตฺตนิกาย นิทานวคฺค
สํ. มหา. “ มหารวารวคฺค
สํ. . “ สคาถวคฺค
สํ. สฬ. “ สฬายตนวคฺค
. . สวดมนต์ฉบับหลวง (พิมพ์ครั้งที่ ๕)
- / - เลขหน้าขีดบอกเล่ม เลขหลังขีดบอกหน้า


จิตตวรรค คือ หมวดจิต

. อนวสฺสุตจิตฺตสฺส อนนฺวาหตเจตโส
ปุญฺญปาปปหีนสฺส นตฺถิ ชาครโต ภยํ.
ผู้มีจิตอันไม่ชุ่มด้วยราคะ มีใจอันโทสะไม่กระทบแล้ว มีบุญและบาปอันละได้แล้ว ตื่นอยู่ ย่อมไม่มีภัย
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๒๐.

. กุมฺภูปมํ กายมิมํ วิทิตฺวา
นครูปมํ จิตฺตมิทํ ถเกตฺวา
โยเธถ มารํ ปญฺญาวุเธน
ชิตญฺจ รกฺเข อนิเวสโน สิยา.
บุคคลรู้กายนี้ที่เปรียบด้วยหม้อ กั้นจิตที่เปรียบด้วยเมืองนี้แล้ว พึงรบมารด้วยอาวุธคือปัญญา และพึงรักษาแนวที่ชนะไว้ ไม่พึงยับยั้งอยู่
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๒๐.

. จิตฺเตน นียติ โลโก จิตฺเตน ปริกสฺสติ
จิตฺตสฺส เอกธมฺมสฺส สพฺเพว วสมนฺวคู.
โลกถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป, สัตว์ทั้งปวงไปสู่อำนาจแห่งจิตอย่างเดียว
( พุทฺธ ) สํ. . ๑๕ / ๕๔.

. ตณฺหาธิปนฺนา วตฺตสีลพทฺธา
ลูขํ ตปํ วสฺสสตํ จรนฺตา
จิตตญฺจ เนสํ น สมฺมา วิมุตฺตํ
หีนตฺตรูปา น ปารงฺคมา เต.
ผู้ถูกตัณหาครอบงำ ถูกศีลพรตผูกมัด ประพฤติตบะอันเศร้าหมองตั้งร้อยปี, จิตของเขาก็หลุดพ้นด้วยดีไม่ได้ เขามีตนเลวจะถึงฝั่งไม่ได้
( พุทฺธ ) สํ. . ๑๕ / ๔๐.

. ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน ยตฺถ กามนิปาติโน
จิตฺ ตสฺส ทมโถ สาธุ จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ.
การฝึกจิตที่ข่มยาก ที่เบา มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่ เป็นความดี, (เพราะว่า) จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๑๙.

. ปทุฏฺฐจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ
น จาปิ นํ เทวตา ปูชยนฺติ
โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ
อวญฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี.
ผู้ใดทำกรรมชั่ว ล่อลวงเอาทรัพย์สมบัติพี่น้องพ่อแม่ ผู้นั้นมีจิตชั่วร้าย ย่อมไม่มีความเจริญ แม้เทวดาก็ไม่บูชาเขา
( นทีเทวดา ) ขุ. ชา. ติก. ๒๗ /๑๒๐.

. ภิกฺขุ สิยา ฌายิ วิมุตฺตจิตฺโต
อากงฺเข เว หทยสฺสานุปตฺตึ
โลก สฺส ญตฺวา อุทยพฺพยญฺจ
สุเจต โส อนิสฺสิโต ตทานิสํโส.
ภิกษุเพ่งพินิจ มีจิตหลุดพ้น รู้ความเกิดและความเสื่อมแห่งโลกแล้ว มีใจดี ไม่ถูกกิเลสอาศัย มีธรรมนั้นเป็นอานิสงส์ พึงหวังความบริสุทธิ์แห่งใจได้
( เทวปุ ตฺต ) สํ. . ๑๔ / ๗๓.

. โย อลีเนน จิตฺเตน อลีนมนโส นโร
ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา
ปาปุเณ อนุปุพฺเพน สพฺพสํโยชนกฺขยํ.
คนใด มีจิตไม่ท้อถอย มีใจไม่หดหู่ บำเพ็ญกุศลธรรม เพื่อบรรลุธรรมที่เกษมจากโยคะ พึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวงได้.
( พุทฺธ ) ขุ. ชา. เอก. ๒๗ / ๑๘.

. สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ ยตฺถ กามนิปาตินํ
จิตฺ ตํ รกฺเขถ เมธาวี จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ.
ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากนัก ละเอียดนัก มักตกไปในอารมณ์ที่น่าใคร่, (เพราะว่า) จิตที่คุ้มครองแล้ว นำสุขมาให้
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๑๙.



ธัมมวรรค คือ หมวดธรรม

๑๐. อตฺถงฺคตสฺส น ปมาณมตฺถิ
เยน นํ วชฺชุ ตํ ตสฺส นตฺถิ
สพฺเพสุ ธมฺเมสุ สมูหเตสุ
สมูหตา วาทปถาปิ สพฺเพ .
ท่านผู้ดับไป (คือปรินิพพาน) แล้ว ไม่มีประมาณ, จะพึงกล่าวถึงท่านนั้นด้วยเหตุใด เหตุนั้นของท่านก็ไม่มี, เมื่อธรรมทั้งปวง (มีขันธ์เป็นต้น) ถูกเพิกถอนแล้ว แม้คลองแห่งถ้อยคำที่จะพูดถึง (ว่าผู้นั้นเป็นอะไร) ก็เป็นอันถูกเพิกถอนเสียทั้งหมด
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๙. ขุ. จู. ๓๐ / ๑๓๙.

๑๑. อาทาน ตณฺหํ วินเยถ สพฺพํ
อุทฺธํ อโธ ติริยํ วาปิ มชฺเฌ
ยํ ยํ หิ โลกสฺมึ อุปาทิยนฺติ
เต เนว มาโร อนฺเวติ ชนฺตุ.
พึงขจัดตัณหาที่เป็นเหตุถือมั่นทั้งปวง ทั้งเบื้องสูง เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ท่ามกลาง, เพราะเขาถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลกไว้ มารย่อมติดตามเขาไป เพราะสิ่งนั้น ๆ
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๔๖. ขุ. จู. ๓๐ / ๒๐๒.

๑๒. อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน
กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา
สนฺ ติมคฺคเมว พฺรูหย
นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ.
จงเด็ดเยื่อใยของตนเสีย เหมือนเอาฝ่ามือเด็ดบัวในฤดูแล้ง จงเพิ่มพูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานที่พระสุคตแสดงแล้ว
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๕๓.

๑๓. โอวเทยฺยานุสาเสยฺย อสพฺภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ อสตํ โหติ อปฺปิโย.
บุคคลควรเตือนกัน ควรสอนกัน และป้องกันจากคนไม่ดี เพราะเขาย่อมเป็นที่รักของคนดี แต่ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๒๕.

๑๔. กาเมสุ พฺรหฺมจริยวา วีตตณฺโห สทา สโต
สงฺขาย นิพฺพุโต ภิกฺขุ ตสฺส โน สนฺติ อิญฺชิตา.
ภิกษุผู้เห็นโทษในกาม มีความประพฤติประเสริฐ ปราศจากตัณหา มิสติทุกเมื่อ พิจารณาแล้ว ดับกิเลสแล้ว ย่อมไม่มีความหวั่นไหว
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๑. ขุ. จู. ๓๐ / ๓๕.

๑๕. ขตฺติโย จ อธมฺมฏฺโฐ เวสฺโส จาธมฺมนิสฺสิโต
เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.
กษัตริย์ไม่ทรงตั้งอยู่ในธรรม และแพศย์ (นสามัญ) ไม่อาศัยธรรม ชนทั้ง ๒ นั้นละโลกแล้ว ย่อมเข้าถึงทุคติ
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา ปญฺจก. ๒๗ / ๑๗๕.

๑๖. คตทฺธิโน วิโสกสฺส วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ
สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส ปริฬาโห น วิชฺชติ.
ท่านผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว หายโศก หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง ละกิเลสเครื่องรัดทั้งปวงแล้ว ย่อมไม่มีความเร่าร้อน
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๒๗.

๑๗. จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ
องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ
จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต.
พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ, เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. อสีติ. ๒๘ / ๑๔๗.

๑๘. ฉนฺทชาโต อนกฺขาเต มนสา จ ผุโฐ สิยา
กาเม จ อปฏิพทฺธจิตฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ.
พึงเป็นผู้พอใจและประทับใจในพระนิพพานที่บอกไม่ได้ ผู้มีจิตไม่ติดกาม ท่านเรียกว่าผู้มีกระแสอยู่เบื้องบน
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๔๔.

๑๙. ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา
เอตํ ญตฺวา ยถาภูตํ นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ.
ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง รู้ข้อนั้นตามเป็นจริงแล้ว ดับเสียได้ เป็นสุขอย่างยิ่ง.
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๔๒.

๒๐. ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.
ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา ส่วนธรรมของสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับอสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้
(พุทฺธ) สํ. . ๑๕ / ๑๐๒.

๒๑. เต ฌายิโน สาตติกา นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.
ผู้ฉลาดนั้นเป็นผู้เพ่งพินิจ มีเพียรติดต่อ บากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องพระนิพพานอันปลอดจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๑๘.

๒๒. ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ ทุกฺขํ ติฏฺฐติ เวติ จ
นาญฺญตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ นาญฺญตฺร ทุกฺขา นิรุชฺฌติ .
ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
(วชิราภิกฺขุนี ) สํ. . ๑๕ / ๑๙๙. ขุ. มหา. ๒๙ / ๕๓๖.

๒๓. ธมฺโม ปโถ มหาราช อธมฺโม ปน อุปฺปโถ
อธมฺโม นิรยํ เนติ ธมฺโม ปาเปติ สุคตึ.
มหาราช ธรรมเป็นทาง (ควรดำเนินตาม) ส่วนอธรรมนอกลู่นอกทาง (ไม่ควรดำเนินตาม) อธรรมนำไปนรก ธรรมให้ถึงสวรรค์
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. สฏฺฐิ. ๒๘ / ๓๙.

๒๔. นนฺทิสญฺโญชโน โลโก วิตกฺกสฺส วิจารณา
ตณฺหาย วิปฺปหาเนน นิพฺพานํ อิติ วุจฺจติ.
สัตว์โลกมีความเพลินเป็นเครื่องผูกพัน มีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไป ท่านเรียกว่านิพพาน เพราะละตัณหาได้
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๔๗. ขุ. จุ. ๓๐/๓๑๖,๒๑๗..

๒๕. นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทฺริยสํวรา
นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ.
เรา (ตถาคต) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง
(พุทฺธ) สํ. . ๑๕ / ๗๕.

๒๖. ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา ติฏฺฐนฺติ ฉินฺนมูลกา
ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.
เบญจขันธ์ที่กำหนดรู้แล้ว มีรากขาดตั้งอยู่ ถึงความสิ้นทุกข์แล้ว ก็ไม่มีภพต่อไปอีก
(พฺรหฺมทตฺตเถรี) ขุ. เถร. ๒๖ /๓๓๔.

๒๗. ปตฺตา เต นิพฺพานํ เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆเฏนฺติ ชาติมรณปฺปหานาย.
ผู้ใด ประกอบในธรรมวินัยของพระทศพล มีความขวนขวายน้อย พากเพียรละความเกิดความตาย ผู้นั้นย่อมบรรลุพระนิพพาน
(สุเมธาเถร) ขุ. เถรี. ๒๖ / ๕๐๒.

๒๘. พหุสฺสุตํ อุปาเสยฺย สุตญฺจ น วินาสเย
ตํ มูลํ พฺรหมฺจริยสฺส ตสฺมา ธมฺมธโร สิยา.
พึงนั่งใกล้ผู้เป็นพหูสูต และไม่พึงทำสุตะให้เสื่อม สุตะนั้นเป็นรากแห่งพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น ควรเป็นผู้ทรงธรรม
(อานนฺทเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๔๐๖.

๒๙. มคฺคานฏฺฐงฺคิโก เสฏฺโฐ สจฺจานํ จตุโร ปทา
วิราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ ทิปทานญฺจ จกฺขุมา.
บรรดาทางทั้งหลาย ทางมีองค์ ๘ ประเสริฐสุด, บรรดาสัจจะทั้งหลาย บท ๔ ประเสริฐสุด, บรรดาธรรมทั้งหลาย วิราคธรรมประเสริฐสุด, และบรรดาสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุประเสริฐสุด
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๕๑.

๓๐. ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ อเสสํ อุปรุชฺฌติ
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ.
นามและรูป ย่อมดับไม่เหลือในที่ใด นามและรูปนี้ ย่อมดับในที่นั้น เพราะวิญญาณดับ.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๑. ขุ. จุ. ๓๐/๒๑.

๓๑. ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม
เอตทริยา เสวนฺติ เอตํ โลเก อนามตํ.
สัจจะ ธรรมะ อหิงสา สัญญมะ และทมะ มีอยู่ในผู้ใด อารยชนย่อมคบผู้นั้น นั่นเป็นธรรมอันไม่ตายในโลก.
( อุปสาฬฺหกโพธิสตต ) ขุ. ชา. ทุก. ๒๗ / ๕๘.

๓๒. ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ สติ เตสํ นิวารณํ
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ ปญฺญาเยเต ปิถิยฺยเร.
กระแสเหล่าใดมีอยู่ในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น เรากล่าวว่าสติเป็นเครื่องกั้นกระแส กระแสเหล่านั้นอันบุคคลปิดกั้นได้ด้วยปัญญา
(พุทธ) ขุ.สุ.๒๕ /๕๓๐. ขุ.จู.๓๐/๑๖, ๒๐.

๓๓. เย สนตจิตฺตา นิปกา สติมนฺโต จ ฌายิโน
สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ กาเมสุ อนเปกฺขิโน.
ผู้มีจิตสงบ มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มีสติ เป็นผู้เพ่งพินิจไม่เยื่อใยในกาม ย่อมเห็นธรรมโดยชอบ
(พุทฺธ) ขุ. อิติ. ๒๕ / ๒๖๐.

๓๔. โย จ ปปญฺจํ หิตฺวาน นิปฺปปญฺจปเท รโต
อาราธยิ โส นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ.
ผู้ใดละปปัญจธรรมที่ทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว ยินดีในธรรมที่ไม่มีสิ่งทำให้เนิ่นช้า ผู้นั้นก็บรรลุพระนิพพานอันปลอดจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
(สารีปุตฺต) องฺ. ฉกฺก. ๒๒ / ๓๒๙

๓๕. สกํ หิ ธมฺมํ ปริปุณฺณมาหุ
อญฺญสฺส ธมฺมํ ปน หีนมาหุ
เอวมฺปิ วิคฺคยฺห วิวาทยนฺติ
สกํ สกํ สมฺม สติมาหุ สจฺจํ.
สมณพราหมณ์บางเหล่า กล่าวธรรมของตนว่าบริบูรณ์, แต่กล่าวธรรมของผู้อื่นว่าเลว (บกพร่อง), เขาย่อมทะเลาะวิวาทกันแม้ด้วยเหตุนี้ เพราะต่างก็กล่าวข้อสมติของตน ๆ ว่าเป็นจริง
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๑๑. ขุ. มหา. ๒๙ / ๓๘๓.

๓๖. สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโน สติปฏฺฐานโคจโร
วิมุตฺติกุสุม สญฺฉนฺโน ปรินิพฺพายิสฺสตฺยนาสโว.
ผู้ถึงพร้อมด้วยสัมมัปปธาน มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์ ดาดาษด้วยดอกไม้คือวิมุตติ หาอาสวะมิได้ จักปรินิพพาน
(เทวสภเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๒๘๒.

๓๗. สุขํ วต นิพฺพานํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ
อโสกํ วิรชํ เขมํ ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ.
พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ไม่มีโศกปราศจากธุลี เกษม เป็นที่ดับทุกข์ เป็นสุขดีหนอ
(หาริตเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๓๐๙.

๓๘. โสรจฺจํ อวิหึสา จ ปาทา นาคสฺส เต ทุเว
สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ จรณา นาคสฺส เต ปเร.
โสรัจจะและอวิหิงสานั้น เป็นช้างเท้าหลัง สติและสัมปชัญญะนั้น เป็นช้างเท้าหน้า
(อุทายีเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๓๖๘.

๓๙. หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย น สิยา โลกวฑฺฒโน.
ไม่ควรเสพธรรมที่เลว ไม่ควรอยู่กับความประมาท ไม่ควรเสพมิจฉาทิฏฐิ ไม่ควรเป็นคนรกโลก
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๓๗.

๔๐. หีเนน พฺรหฺมจริเยน ขตฺติเย อุปปชฺชติ
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.
บุคคลย่อมเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างเลว, ถึงความเป็นเทวดา ด้วยพรหมจรรย์อย่างกลาง, ย่อมบริสุทธิ์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างสูง
(พุทฺธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘ / ๑๙๙.





วิริยวรรค คือ หมวดความเพียร

๔๑. โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา วิริยารมฺภญฺจ เขมโต
อารทฺธวิริยา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี.
ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านเป็นภัย และเห็นการปรารภความเพียรเป็นความปลอดภัย แล้วปรารภความเพียรเถิด นี้เป็นพุทธานุศาสนี
(พุทฺธ) ขุ. จริยา. ๓๓ / ๕๙๕

๔๒. ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา
ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ ฌายิโน มารพนฺธนา.
ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอก ผู้มีปกติเพ่งพินิจดำเนินไปแล้ว จักพ้นจากเครื่องผูกของมาร
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๕๑.

๔๓. นิทฺทํ ตนฺทึ วิชิมฺหิตํ อรตึ ภตฺตสมฺมทํ
วิริเยน นํ ปณาเมตฺวา อริยมคฺโค วิสุชฺฌติ.
อริยมรรคย่อมบริสุทธิ์ เพราะขับไล่ความหลับ ความเกียจคร้าน ความบิดขี้เกียจ ความไม่ยินดี และความเมาอาหารนั้นได้ด้วยความเพียร
(พุทฺธ) สํ. . ๑๕ / ๑๐.

๔๔. โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ.
ผู้ใดเกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี แต่ผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ประเสริฐกว่าผู้นั้น
(พุทฺธ) ขุ. . ๒๕ / ๓๐

๔๕. สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน ปญฺญวา สุสมาหิโต
อารทฺธวิริโย ปหิตตฺโต โอฆํ ตรติ ทุตฺตรํ.
ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล มีปัญญา มีใจมั่งคงดีแล้ว ปรารภความเพียร ตั้งตนไว้ในกาลทุกเมื่อ ย่อมข้ามโอฆะที่ข้ามได้ยาก
(พุทฺธ) สํ. . ๑๕ / ๗๔



สามัคคีวรรค คือ หมวดสามัคคี

๔๖. วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา อวิวาทญฺจ เขมโต
สมคฺคา สขิลา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี.
ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยแล้ว เป็นผู้พร้อมเพรียง มีความประนีประนอมกันเถิด นี้เป็นพระพุทธานุศาสนี
(พุทฺธ) ขุ. จริยา. ๓๓ / ๕๙๕.

๔๗. สามคฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ
สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ.
พึงศึกษาความสามัคคี, ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย สรรเสริญแล้ว, ผู้ยินดีในสามัคคี ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ
(พุทฺธ) ขุ. ชา. เตรส. ๒๗ / ๓๔๖.

๔๘. สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห
สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ.
ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันก็เป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ
( พุทฺธ ) ขุ. อิติ. ๒๕ / ๒๓๘.

อัปปมาทวรรค คือ หมวดไม่ประมาท

๔๙. อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ.
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลดีงาม ตั้งความดำริไว้ให้ดี คอยรักษาจิตของตน
(พุทฺธ) ที. มหา. ๑๐ / ๑๔๒.

๕๐. อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร.
ท่านทั้งหลาย จงยินดีในความไม่ประมาท คอยรักษาจิตของตน, จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช่างที่ตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๕๘.

๕๑. อปฺปมาทรโต ภิกขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
สญฺโญชนํ อณุ ถูลํ ฑหํ อคฺคีว คจฺฉติ.
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท ย่อมเผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป เหมือนไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไปฉะนั้น
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๑๙.

๕๒. อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ ปมาเท ภยทสฺสิ วา
อภพฺโพ ปริหานาย นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก.
ภิกษุยินดีในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อม (ชื่อว่า) อยู่ใกล้พระนิพพานทีเดียว
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๑๙.

๕๓. เอวํวิหารี สโต อปฺปมตฺโต
ภิกฺขุ จรํ หิตฺวา มมายิตานิ
ชาติชรํ โสกปริทฺทวญฺจ
อิเธว วิทฺวา ปชเหยฺย ทุกฺขํ.
ภิกษุผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ละความถือมั่นว่าของเราได้แล้วเที่ยวไป เป็นผู้รู้ พึงละชาติ ชรา โสกะ ปริเทวะ และทุกข์ ในโลกนี้ได้
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๕. ขุ. จู. ๓๐ / ๙๒.

๕๔. อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ
ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ.
คนมีปัญญา พึงสร้างเกาะ ที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวม และความข่มใจ
( พุทฺธ ) ขุ. . ๒๕ / ๑๘.


*********************

Keine Kommentare: