ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม
ธรรมศึกษาชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันศุกร์
ที่
๑๐
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๙
เวลา
๑๓.๐๐
น.
คำสั่ง
:
จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว
แล้วกากบาทลงในช่องของข้อ
ที่ต้องการในกระดาษคำตอบ
ให้เวลา
๕๐
นาที
(๑๐๐
คะแนน)
-------------------------
๑.
คำว่า
“โลก”
ในบาลีว่า
“เอถ
ปสฺสถิมํ
โลกํ”
หมายถึงข้อใด
?
ก.
แผ่นดินและหมู่สัตว์ ข.
แผ่นดินและจักรวาล
ค.
แผ่นดิน
น้ำ
อากาศ ง.
หมู่มนุษย์และสัตว์
๒.
พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ดูโลกอย่างไร
?
ก.
ดูประโยชน์มิใช่ประโยชน์ ข.
ดูคุณและโทษ
ค.
ดูตามเป็นจริง ง.
ดูว่าไม่มีแก่นสาร
๓.
ข้อใด
เป็นพุทธประสงค์ให้มาดูโลก
?
ก.
เพื่อไม่ให้มัวเมาติดอยู่ ข.
เพื่ออยู่อย่างปลอดภัย
ค.
เพื่อความไม่ประมาท ง.
เพื่อหาทางออกจากโลก
๔.
ทำอย่างไร
จึงจะไม่ถูกเรียกว่า
“พวกคนเขลา”
?
ก.
ต้องรู้ทันโลก ข.
ต้องรู้โลกตามเป็นจริง
ค.
ต้องรู้โลกธรรม ง.
ต้องรู้คดีโลกคดีธรรม
๕.
ทำอย่างไร
ถึงจะไม่ข้องอยู่ในโลก
?
ก.
ไม่ติดในสิ่งล่อใจ ข.
ไม่ยุ่งกับใคร
ค.
ปรารถนาไม่เกิดอีก
ง.
ออกบวช
๖.
ข้อใด
มิใช่อาการสำรวมจิตตามหลักของนิพพิทา
?
ก.
สำรวมอินทรีย์
๖ ข.
พิจารณาปัจจัย
๔
ค.
มนสิการกัมมัฏฐาน ง.
เจริญวิปัสสนา
๗.
โดยตรง
ท่านจัดอะไรเป็นมาร
?
ก.
กิเลสกาม
ข.
วัตถุกาม
ค.
กามกิเลส ง.
กามตัณหา
๘.
เพราะเหตุไร
จึงจัดว่าเป็นมาร
?
ก.
เพราะทำให้ติดใจ ข.
เพราะทำให้หลง
ค.
เพราะล้างผลาญความดี ง.
เพราะทำให้เป็นอันธพาล
๙.
กำจัดมารนั้นได้
ด้วยวิธีอย่างไร
?
ก.
สำรวมกาย
วาจา
ใจ ข.
สำรวมจิต
ค.
ปิดปาก
ปิดหู
ปิดตา ง.
ไม่รับรู้อารมณ์
๑๐.
การทำใจให้สงบเป็นสมาธิ
จัดเป็นวิสุทธิใด
ในวิสุทธิ
๗
?
ก.
สีลวิสุทธิ ข.
จิตตวิสุทธิ
ค.
ทิฏฐิวิสุทธิ ง.
ญาณทัสสนวิสุทธิ
๑๑.
สังขารในปฏิปทาแห่งนิพพิทานั้น
โดยตรงได้แก่อะไร
?
ก.
สังขารทั้งหมด ข.
สังขารในขันธ์
๕
ค.
ปัญจขันธ์ ง.
รูปขันธ์
๑๒.
นิพพิทานั้นเกิดขึ้นด้วยอะไร
จึงเป็นนิพพิทาญาณ
?
ก.
เกิดด้วยปัญญา
ข.
เกิดด้วยฌาน
ค.
เกิดด้วยวิสุทธิ ง.
เกิดด้วยสมาธิ
๑๓.
ข้อใด
เป็นสมมติสัจจะ
?
ก.
สังขารไม่เที่ยง ข.
สังขารเป็นทุกข์
ค.
ธรรมเป็นอนัตตา ง.
มารดาบิดา
๑๔.
สังขารที่ผันแปรไปในระหว่าง
เรียกว่าอะไร
?
ก.
อนิจจลักษณะ
ข.
ทุกขลักษณะ
ค.
อนัตตลักษณะ ง.
ถูกทุกข้อ
๑๕.
ข้อใด
เป็นความหมายของทุกข์
?
ก.
สภาพที่เบียดเบียนสัตว์ ข.
สภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง
ค.
สภาพไม่มีความยั่งยืน ง.
ถูกทุกข้อ
๑๖.
ความหนาว
ร้อน
หิว
กระหาย
จัดเป็นทุกข์ข้อใด
?
ก.
สภาวทุกข์
ข.
นิพัทธทุกข์
ค.
วิปากทุกข์ ง.
พยาธิทุกข์
๑๗.
อวัยวะไม่ทำหน้าที่ตามปกติจนเกิดความทุกข์
เป็นทุกข์ข้อใด
?
ก.
สภาวทุกข์ ข.
นิพัทธทุกข์
ค.
วิปากทุกข์ ง.
พยาธิทุกข์
๑๘.
“พูดโดยไม่คิด
พ่นพิษใส่คนอื่น”
จัดเป็นทุกข์ข้อใด
?
ก.
สหคตทุกข์ ข.
วิวาทมูลกทุกข์
ค.
พยาธิทุกข์
ง.
นิพัทธทุกข์
๑๙.
วิปากทุกข์
หมายถึงทุกข์ข้อใด
?
ก.
ทุกข์เพราะเสวยผลกรรม ข.
ทุกข์เพราะวิวาทกัน
ค.
ทุกข์เพราะเศรษฐกิจ ง.
ทุกข์เพราะเจ็บป่วย
๒๐.
สันตาปทุกข์
ทุกข์เพราะใจร้อนรน
เกิดจากอะไร
?
ก.
อารมณ์เครียด ข.
ความผิดหวัง
ค.
ราคะเป็นต้นแผดเผา ง.
วิตกจริตแผดเผา
๒๑.
ข้อใด
เป็นสภาวทุกข์
?
ก.
เกิด
แก่
ตาย ข.
ร้อน
หิว
กระหาย
ค.
โรค
ภัย
ไข้เจ็บ ง.
ยากจน
อดอยาก
๒๒.
ทุกข์ทั้งหมดรวมเรียกว่า
ทุกขขันธ์
เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด
?
ก.
ขาดสติ ข.
ขาดปัญญา
ค.
ความยึดมั่น ง.
ความเห็นแก่ตัว
๒๓.
ข้อใด
ช่วยบรรเทาความเศร้าโศกเสียใจได้
?
ก.
ตั้งสติปล่อยวาง ข.
ร้องไห้ดัง
ๆ
ค.
ไปเที่ยวพักผ่อน ง.
ฟังพระเทศน์
๒๔.
พึงปฏิบัติต่อสังขารอย่างไร
?
ก.
มีสติทุกเมื่อ ข.
พิจารณาทุกเมื่อ
ค.
ศึกษาให้รู้จริง ง.
ศึกษาตัวเอง
๒๕.
เห็นสังขารเป็นทุกข์แล้วเกิดอะไรขึ้น
จึงเรียกนิพพิทา
?
ก.
เบื่อหน่าย ข.
คลายกำหนัด
ค.
ปล่อยวาง ง.
ปลงตก
๒๖.
เห็นว่า
“นั่นมิใช่เรา
นั่นมิใช่ของเรา”
จัดเป็นอนัตตาในข้อใด
?
ก.
ไม่อยู่ในอำนาจ
ข.
แย้งต่ออัตตา
ค.
หาเจ้าของมิได้ ง.
เป็นสภาพสูญ
๒๗.
เพราะถูกอะไรปิดบังไว้
จึงไม่เห็นสังขารเป็นอนัตตา
?
ก.
อิริยาบถ
ข.
สันตติ
ค.
อนิจจสัญญา ง.
ฆนสัญญา
๒๘.
เมื่อเกิดนิพพิทา
ย่อมเป็นเหตุให้เกิดอะไรตามมา
?
ก.
ความหลุดพ้น ข.
ความสิ้นกำหนัด
ค.
ความไม่ประมาท ง.
ความบริสุทธิ์
๒๙.
อิริยาบถใด
เหมาะแก่ผู้เริ่มเจริญกัมมัฏฐาน
?
ก.
ยืน
เดิน ข.
ยืน
นอน
ค.
นั่ง
เดิน
ง.
นั่ง
นอน
๓๐.
ผู้ฝึกจิตจนช่ำชองแล้ว
ควรใช้อิริยาบถใด
?
ก.
ยืน ข.
เดิน
ค.
นั่ง
ง.
ทุกอิริยาบถ
๓๑.
อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเจริญกัมมัฏฐานไม่ได้ผล
?
ก.
ไม่ตั้งใจจริง ข.
ปฏิบัติไม่ถูกวิธี
ค.
มีปลิโพธมาก ง.
กัมมัฏฐานไม่ถูกจริต
๓๒.
สถานที่ใด
เหมาะแก่ผู้เริ่มเจริญกัมมัฏฐาน
?
ก.
ป่าไม้ ข.
ป่าช้า
ค.
โคนไม้อันสงัด ง.
ถูกทุกข้อ
๓๓.
ข้อใด
มิใช่ความหมายของคำว่า
“พุทฺโธ”
?
ก.
ผู้รู้
ข.
ผู้ตื่น
ค.
ผู้เบิกบาน ง.
ผู้มีโชค
๓๔.
คนที่เห็นว่า
“ทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว”
ตรงกับข้อใด
?
ก.
สัมมาสติ
ข.
สัมมาทิฏฐิ
ค.
สัมมาสมาธิ
ง.
สัมมาสังกัปปะ
๓๕.
ข้อใด
จัดเข้าในจิตตวิสุทธิ
?
ก.
สัมมาวาจา
ข.
สัมมากัมมันตะ
ค.
สัมมาอาชีวะ
ง.
สัมมาสติ
๓๖.
ข้อใด
เป็นอุบายดับกามฉันทนิวรณ์
?
ก.
พิจารณาว่าไม่เที่ยง ข.
พิจารณาว่าไม่งาม
ค.
พิจารณาสักว่าเป็นธาตุ ง.
ถูกทุกข้อ
๓๗.
คนชอบง่วงนอน
ควรเจริญกัมมัฏฐานอะไร
?
ก.
พรหมวิหาร ข.
กสิณ
ค.
มูลกัมมัฏฐาน ง.
พุทธานุสสติ
๓๘.
ข้อใด
ตรงกับคำว่า
“จริต”
ความประพฤติเป็นไปของสัตว์โลก
?
ก.
อุปนิสัย ข.
นิสัย
ค.
จิต ง.
อารมณ์
๓๙.
คนสัทธาจริต
มีลักษณะเช่นไร
?
ก.
เชื่อง่าย ข.
เชื่อเหตุผล
ค.
เชื่อมั่นตัวเอง
ง.
เชื่ออาจารย์
๔๐.
กัมมัฏฐานข้อใด
เหมาะแก่คนสัทธาจริต
?
ก.
พุทธานุสสติ ข.
กายคตาสติ
ค.
มรณสติ ง.
อุปสมานุสสติ
๔๑.
คนโทสจริต
มักมีลักษณะเช่นไร
?
ก.
เครียดง่าย ข.
หงุดหงิดง่าย
ค.
ฟุ้งซ่านง่าย ง.
ใจน้อยง่าย
๔๒.
กัมมัฏฐานข้อใด
เหมาะแก่คนโทสจริต
?
ก.
อสุภะ ข.
อนุสสติ
ค.
กสิณ
ง.
พรหมวิหาร
๔๓.
คนวิตกจริต
มีลักษณะเช่นไร
?
ก.
คิดฟุ้งซ่าน
ข.
กังวลไปทุกเรื่อง
ค.
นอนไม่ค่อยหลับ ง.
ถูกทุกข้อ
๔๔.
กัมมัฏฐานข้อใด
เหมาะแก่คนวิตกจริต
?
ก.
อานาปานสติ
ข.
มรณสติ
ค.
อสุภะ ง.
พรหมวิหาร
๔๕.
ผู้เจริญมรณสติต้องประกอบด้วยองค์อะไรบ้าง
จึงจะแยบคาย
?
ก.
ระลึกถึงความตาย ข.
รู้ว่าต้องตายแน่
ค.
เกิดสังเวชสลดใจ ง.
ถูกทุกข้อ
๔๖.
เจริญมรณสติอย่างไร
ชื่อว่าไม่แยบคาย
?
ก.
ไม่กลัวตาย ข.
เกิดความสังเวช
ค.
สะดุ้งหวาดผวา ง.
กล้าเผชิญความตาย
๔๗.
พิจารณา
เกสา
โลมา…
อย่างไร
จึงจัดเป็นวิปัสสนา
?
ก.
ปฏิกูลน่าเกลียด ข.
ไม่งามน่ารังเกียจ
ค.
เต็มไปด้วยซากศพ ง.
ไม่จิรังต้องแตกสลาย
๔๘.
เหตุใด
ท่านจึงสอนให้เจริญเมตตาในตนก่อน
?
ก.
เพื่อให้ตนเป็นพยาน
ข.
เพื่อให้รักตนมากๆ
ค.
เพื่อให้ตนเป็นที่รัก
ง.
เพื่อให้หมดโทสะ
๔๙.
สติกำหนดพิจารณาใจที่เศร้าหมองหรือผ่องแผ้วเป็นอารมณ์ว่า
“ใจนี้
สักว่าใจ
…”
จัดเข้าในสติปัฏฐานข้อใด
?
ก.
กายานุปัสสนา ข.
เวทนานุปัสสนา
ค.
จิตตานุปัสสนา ง.
ธัมมานุปัสสนา
๕๐.
พิจารณาธาตุ
๔
อย่างไร
จึงจัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐาน
?
ก.
พิจารณาสักว่าเป็นธาตุ ข.
พิจารณาว่าว่างเปล่า
ค.
พิจารณาว่าไม่เที่ยง ง.
ถูกทุกข้อ
***
*** ***
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen