Sonntag, 13. September 2020

๑๐๖. อย่าง่อนแง่น อย่าคลอนแคลน


๑๐๖. อย่าง่อนแง่น อย่าคลอนแคลน


ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ;

อสํหีรํ อสํกุปฺปํ, ตํ วิทฺวา มนุพฺรูหเยฯ


บุคคลผู้มีปัญญา ย่อมเห็นแจ้งธรรมในปัจจุบัน, 

ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ, 

พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด.


(กวิทัปปณนีติ หมวดบัณฑิต ๑๐๖, . อุ. ๑๔/๔๒๗, ๕๓๔, ๕๔๔, ๕๕๒, ๕๖๓, ๕๖๗)


..


ศัพท์น่ารู้ :


ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ ตัดบทเป็น ปจฺจุปฺปนฺนํ+,  (ปัจจุบัน+ ก็) ปจฺจุปฺปนฺน+อํ เป็นวิเสสนะของ ธมฺมํ, ส่วน เป็นนิบาตบท 

โย (ใด) +สิ, สัพพนาม ปฐมาวิภัตติ, อุทาหรณ์ เช่น โย ปุคฺคโล (. บุคคลใด), ยา อิตฺถี (. หญิงใด), ยํ กุลํ (. ตระกูลใด) เป็นต้น  

ธมฺมํ (ซึ่งธรรม) ธมฺม+อํ, 

ตตฺถ ตตฺถ (ใน..นั้น), +, ตตฺถ ตตฺถ ธมฺเม (ในธรรมนั้นๆ), ลง ปัจจัยหลังสัพพนนามในอรรถสัตตมีวิภัตติ ได้บ้าง ด้วยสูตรว่า ตฺรถ สตฺตมิยา สพฺพนาเมหิ. (รู ๒๖๖) ซ้อน ตฺ (อสทิสเทฺวภาวะ) ด้วยสูตรว่า วคฺเค โฆสาโฆสานํ ตติยปฐมา. (รู ๔๒)

วิปสฺสติ (เห็นแจ้ง) วิ+ทิส++ติ, แปลง ทิส เป็น ปสฺส ได้บ้าง ด้วยสูตรว่า ทิสสฺส ปสฺสทิสฺสทกฺขา วา. (รู ๔๘๓)

อสํหีรํ (ไม่ง่อนแง่น) อสํหีรนฺต+สิ 

อสํกุปฺปํ (ไม่คลอนแคลน) อสํกุปฺปนฺต+สิ

ตํ (นั้น) +อํ, สัพพนาม ทุติยาวิภัตติ อุทาหรณ์ เช่น ตํ ธมฺมํ (ซึ่งธรรมนั้น), ตํ มาลํ (ซึ่งมาลาใด), ตํ จิตฺตํ (ซึ่งจิตใด) เป็นต้น  

วิทฺวา (ผู้รู้, ผู้มีปัญญา, บัณฑิต) วิทฺวนฺตุ+สิ 

มนุพฺรูหเย (พอกพูน, เจริญ) ตัดบทเป็น อาคม+อนุพฺรูหเย, อนุ+√พฺรูห+ณย+เอยฺย ภูวาทิ. กัตตุ.


..


 

Keine Kommentare: