จกฺขุมาสฺส ยถา อนฺโธ, โสตวา พธิโร ยถา;
ปญฺญวาสฺส ยถา มูโค, พลวา ทุพฺพโลริว;
อถ อตฺเถ สมุปฺปนฺเน, สเยถ มตสายิตํฯ
„ผู้มีปัญญาถึงมีตาดีก็พึงเป็นเหมือนคนตาบอด,
ถึงมีหูดีก็พึงทำเป็นเหมือนคนหูหนวก;
ถึงมีปัญญาก็พึงเป็นเหมือนคนใบ้,
ถึงมีกำลังก็พึงเป็นดุจคนทุรพล;
แต่เมื่อสิ่งเป็นประโยชน์เกิดขึ้น,
ถึงจะนอนอยู่ในเวลาใกล้ตาย
(ก็ควรทําประโยชน์นั้นให้สำเร็จเถิด).“
(กวิทัปปณนีติ หมวดบัณฑิต ๑๑๓.๒ ธัมมนีติ ๕๐ ขุ. เถร. ๒๖/๓๖๖ มหากัจจายนเถระ)
..
ศัพท์น่ารู้ :
จกฺขุมาสฺส ตัดบทเป็น จกฺขุมา+อสฺส (คนมีตา+พึงเป็น), = จกฺขุมนฺตุ+สิ วิ. จกฺขุ อสฺส อตฺถีติ จกฺขุมา (ดวงตาของเขา มีอยู่ เหตุนั้น เขา ชือว่า ผู้มีดวงตา) มาจาก จกฺขุ+มนฺตุ+สิ เป็นตทัสสัตถตัทธิต, ส่วน อสฺส มาจาก อส+อ+เอยฺย แปลง อส กับที่สุดธาตุเป็น สฺส ด้วยมหาสูตรว่า กฺวจิ ธาตุ ฯ. (รู ๔๘๘)
ยถา (เหมือน, ดุจ, ดัง) นิบาตบอกการเปรียบเทียบ
อนฺโธ (คนตาบอด) อนฺธ+สิ
โสตวา (คนมีหู) โสตวนฺตุ+สิ
พธิโร (คนหูหนวก) พธิร+สิ
ยถา (เหมือน, ดุจ, ดัง );
ปญฺญวาสฺส ตัดบทเป็น ปญฺญวา+อสฺส (ผู้มีปัญญา+พึงเป็น), = ปญฺญนฺตุ+สิ วิ. ปญฺญา อสฺส อตฺถีติ จกฺขุมา (ปัญญาของเขา มีอยู่ เหตุนั้น เขา ชือว่า ผู้มีปัญญา) มาจาก ปญฺญา+วนฺตุ+สิ เป็นตทัสสัตถตัทธิต
มูโค (คนใบ้) มูค+สิ,
พลวา (ผู้มีกำลัง) พลวนฺตุ+สิ
ทุพฺพโลริว ตัดบทเป็น ทุพฺพโล+ร อาคม+อิว (คนทุรพล+ดุจ, เหมือน) ทุพฺพล+สิ, อิว เป็นนิบาตบอกการเปรียบเทียบ
อถ (แต่, อนึง, ลำดับนั้น) เป็นนิบาตทำบทให้เต็ม หรือใช้ในอรรถการถามเป็นต้น
อตฺเถ (เมื่ออรรถ, ประโยชน์, เนื่อความ, ความต้องการ) อตฺถ+สฺมึ
สมุปฺปนฺเน (เกิดขึ้นแล้ว) สมุปฺปนฺน+สฺมึ,
สเยถ (พึงนอน) สิ+อ+เอถ วุทธิ อิ เป็น เอ ด้วยสูตรว่า อญฺเญสุ จ. (๔๓๔), แปลง เอ เป็น อย ด้วยสูตรว่า เอ อย. (รู ๔๙๑)
มตสายิตํ (ในการนอนในเวลาใกล้ตาย, นอนรอความตาย) มตสายิต+อํ ลงทุติยาวิภัตติในอรรถกาลสัตตมีได้บ้าง ด้วยสูตรว่า ตติยาสตฺตมีนญฺจ. (รู ๒๙๐)
..
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen