๑๙๒. คนดีย่อมไม่เป็นที่รักของคนชั่ว
โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเย;
สตญฺหิ โส ปิโย โหติ, อสตํ โหติ อปฺปิโยฯ
"บุคคลใด ย่อมให้โอวาท ย่อมสั่งสอน,
และห้ามผู้อื่นจากธรรมที่มิใช่ของสัตบุรุษ;
บุคคลนั้นแล ย่อมเป็นที่รักใคร่ของเหล่าสัตบุรุษ,
แต่จะไม่เป็นที่รักใคร่ของพวกอสัตบุรุษ.“
(กวิทัปปณนีติ หมวดคนดี ๑๙๒, โลกนีติ ๕๙, ขุ. ธ. ๒๕/๑๖, ขุ. เถร. ๒๖/๓๙๖)
..
ศัพท์น่ารู้:
โอวเทยฺยานุสาเสยฺย: ตัดบทเป็น โอวเทยฺย+อนุสาเสยฺย (ควรโอวาท ควรสั่งสอน)
โอวเทยฺย (ควรโอวาท, กล่าวสอน) อว+√วท+อ+เอยฺย,
อนุสาเสยฺย (ควรสั่งสอน, ตามสอน, อนุศาสน์) อนุ+√สาส(สาสุ)+อ+เอยฺย ภูวาทิ. กัตตุ.
อสพฺภา: (จากธรรมที่มิใช่ของสัตบุรุษ) อสพฺภ+สฺมา ในโลกนีติ เป็น ปาปกา (จากบาป)
จ: (ด้วย, และ) เป็นนิบาต
นิวารเย: (ควรห้าม) นิ+√วร+ณย+เอยฺย จุราทิ. กัตตุ.
สตญฺหิ: ตัดบทเป็น สตํ+หิ (ของสัตบุรุษ+แต่, ที่แท้) สตํ (ของสัตบุรุษ, คนดี ท.) สนฺต+นํ, หิ เป็นนิบาต (ศัพท์นี้ในพระบาฬีภาษาไทยเป็น สตํ หิ ไม่ได้เป็นบทสนธิกัน)
โส: (..นั้น) ต+สิ สัพพนาม
ปิโย: (ที่รัก) ปิย+สิ
โหติ: (ย่อมเป็น) √หู+อ+ติ ภูวาทิ. กัตตุ.
อสตํ: (ของอสัตบุรุษ, คนพาล ท.) อสนฺต+นํ
อปฺปิโย: (ไม่เป็นที่รัก) อปฺปิย+สิ
..
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen