๑๒๓. ผู้ทรงพระปรีชาญาณ
อายํ ขยํ สยํ ชญฺญา, ราชา สยํ กตากตํ;
นิคฺคเห นิคฺคเหตพฺพํ, ปคฺคเห ปคฺคหารหํฯ
“พระราชาทรงทราบความเจริญ
และเสื่อมด้วยพระองค์เอง,
ทรงทราบพระกรณียกิจที่ทรงทำแล้ว
หรือมิได้กระทำแล้วด้วยพระองค์เอง;
ทรงข่มบุคคลที่ควรข่ม,
และทรงยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง.“
(โลกนีติ หมวดราชา คาถาที่ ๑๒๓, ธัมมนีติ ๑๘๖, มหารหนีติ ๒๕๑, กวิทัปปณนีติ ๒๖๑, ขุ. ชา. ๒๗/๒๔๔๒ เตสกุณชาดก
..
ศัพท์น่ารู้ :
อายํ (กำไร, รายได้, ผลประโยชน์, ความเจริญ) อาย+อํ ป.
ขยํ (ความสิ้นไป, ความเสื่อม, ขัย, ไขย, ขยะ) ขย+อํ ป.
สยํ (เอง, ด้วยตนเอง) สย+อํ
ชญฺญา (พึงทราบ, รู้) √ญา+นา+เอยฺย กิยาทิ. กัตตุ. แปลง ญา เป็น ชํ ได้บ้าง ด้วยสูตรว่า ญาสฺส ชา-ชํ-นา. (รู ๕๑๔) = ชํ+นา+เอยฺย, แปลง เอยฺย เป็น ญา ได้บ้าง ด้วยสูตรว่า เอยฺยสฺส ญาโต อิยา-ญา. (รู ๕๑๕) = ชํ+นา+ญา, ลบ นา ได้บ้าง ด้วยสูตรว่า นาสฺส โลโป ยการตฺตํ. (รู ๕๑๖) = ชํ+ญา, แปลง นิคคหิตเป็น ญ สำเร็จรูปเป็น ชญฺญา.
ราชา (พระราชา, พระเจ้าแผ่นดิน) ราช+สิ
กตากตํ (กิจที่ได้ทำและมิได้ทำแล้ว) กต+อกต > กตากต+อํ
นิคฺคเห, นิคฺคณฺเห (พึงข่ม, ตำหนิ) นิ+√คห+อ+เอยฺย ภูวาทิ. กัตตุ. ส่วนในธัมมนีติเป็น „นิคฺคณฺเห“ (นิ+คห+ณฺหา+เอยฺย เป็นคหาทิ. กัตตุ. ในธาตฺวัตถสังคหะ คาถาที่ ๙๔ กล่าวว่า คโห อาทาเน คภูจุ, ทุพฺโพเธ ตุ จุราทิโกฯ แปลว่า คห ธาตุเป็นไปในอรรถว่า อาทาเน-ถือเอา, เป็น คหาทิ. ภูวาทิ. และ จุราทิคณะ ที่เป็นจุราทิคณะ เป็นไปในอรรถว่า ทุพฺโพเธ-รู้ได้อยาก.
นิคฺคเหตพฺพํ (ผู้ควรถูกข่ม, ควรถูกตำหนิ) นิ+√คห+อิ ตพฺพ > นิคฺคเหตพฺพ+อํ, ในธัมมนีติ เป็น นิคฺคณฺหารหํ (ผู้ควรแก่การข่ม, นิคฺคณฺห+อรห > นิคฺคณฺหารห+อํ)
ปคฺคเห (พึงยกย่อง, ควรชมเชย) ป+√คห+อ+เอยฺย ภูวาทิ. กัตตุ. ธัมมนีติ เป็น ปคฺคณฺเห
ปคฺคหารหํ(ผู้สมควรแก่การยกย่อง, ที่ควรยกย่อง, ที่ควรชมเชย) ปคฺคห+อรห > ปคฺคหารห+อํ, ธัมมนีติเป็น ปคฺคณฺหารหํ (ผู้ควรแก่การยกย่อง, ปคฺคณฺห+อรห > ปคฺคณฺหารห+อํ)
..
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen