๑๘.
มลวคฺโค
คาถาธรรมบท
มลวรรคที่ ๑๘
๒๓๕.
ปณฺฑุปลาโสวทานิสิ;
ยมปุริสาปิ
จ เต อุปฏฺฐิตา;
อุยฺโยคมุเข
จ ติฏฺฐสิ;
ปาเถยฺยมฺปิ
จ เต น วิชฺชติฯ
บัดนี้ท่านเป็นดุจใบไม้เหลือง
อนึ่งแม้บุรุษของพระยายมก็ปรากฏแก่ท่านแล้ว
ท่านตั้งอยู่ในปากแห่งความเสื่อม
อนึ่งเสบียงเดินทางของท่านก็ยังไม่มี.
(๑๘:๑)
๒๓๖.
โส
กโรหิ ทีปมตฺตโน;
ขิปฺปํ
วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล
อนงฺคโณ;
ทิพฺพํ
อริยภูมึ อุเปหิสิฯ
ท่านจงทำที่พึงแก่ตน
จงรีบพยายาม จงเป็นบัณฑิต
ท่านเป็นผู้มีมลทินอันขจัดแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องยียวน
จักถึงอริยภูมิอันเป็นทิพย์.
(๑๘:๒)
๒๓๗.
อุปนีตวโย
ว ทานิสิ;
สมฺปยาโตสิ
ยมสฺส สนฺติกํ;
วาโสปิ
จ เต นตฺถิ อนฺตรา;
ปาเถยฺยมฺปิ
จ เต น วิชฺชติฯ
บัดนี้ท่านเป็นผู้มีวัยอันชรานำเข้าไปแล้ว
เตรียมจะไปยังสำนักของพระยายม
อนึ่งที่พักในระหว่างของท่านก็ยังไม่มี
และเสบียงเดินทางของท่านก็ยังไม่มี.
(๑๘:๓)
๒๓๘.
โส
กโรหิ ทีปมตฺตโน,
ขิปฺปํ
วายม ปณฺฑิโต ภว;
นิทฺธนฺตมโล
อนงฺคโณ,
น ปุน
ชาติชรํ อุเปหิสิฯ
ท่านจงทำที่พึ่งแก่ตน
จงรีบพยายาม จงเป็นบัณฑิต
ท่านเป็นผู้มีมลทินอันขจัดแล้ว
ไม่มีกิเลสเครื่องยียวน
จักไม่เข้าถึงชาติและชราอีก.
(๑๘:๔)
๒๓๙.
อนุปุพฺเพน
เมธาวี,
โถกํ
โถกํ ขเณ ขเณ;
กมฺมาโร
รชตสฺเสว,
นิทฺธเม
มลมตฺตโนฯ
นักปราชญ์ทำกุศลทีละน้อยๆ
ในขณะๆ
พึงขจัดมลทินของตนออกได้โดยลำดับ
เหมือนช่างทองขจัดมลทินของทอง
ฉะนั้น.
(๑๘:๕)
๒๔๐.
อยสา
ว มลํ สมุฏฺฐิตํ,
ตทุฏฺฐาย
ตเมว ขาทติ;
เอวํ
อติโธนจารินํ,
สานิ
กมฺมานิ นยนฺติ ทุคฺคตึฯ
สนิมเกิดขึ้นแต่เหล็กเอง
ครั้นเกิดขึ้นแต่เหล็กนั้นแล้ว
ย่อมกัดเหล็กนั้นแหละ
ฉันใด กรรมของตนย่อมนำบุคคล
ผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อโธนา
ไปสู่ทุคติ ฉันนั้น.
(๑๘:๖)
๒๔๑.
อสชฺฌายมลา
มนฺตา,
อนุฏฺฐานมลา
ฆรา;
มลํ
วณฺณสฺส โกสชฺชํ,
ปมาโท
รกฺขโต มลํฯ
มนต์มีอันไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน
เรือนมีการไม่หมั่นเป็นมลทิน
ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ
ความประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา.
(๑๘:๗)
๒๔๒.
มลิตฺถิยา
ทุจฺจริตํ,
มจฺเฉรํ
ททโต มลํ;
มลา
เว ปาปกา ธมฺมา,
อสฺมึ
โลเก ปรมฺหิ จฯ
ความประพฤติชั่วเป็นมลทินหญิง
ความตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้
ธรรมทั้งหลายที่ลามกเป็นมลทินแท้
ทั้งในโลกนี้ทั้งในโลกหน้า.
(๑๘:๘)
๒๔๓.
ตโต
มลา มลตรํ,
อวิชฺชา
ปรมํ มลํ;
เอตํ
มลํ ปหตฺวาน,
นิมฺมลา
โหถ ภิกฺขโวฯ
เราจะบอกมลทินกว่ามลทินนั้น
คือ
อวิชชาเป็นมลทินอย่างยิ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายละมลทินนี้เสียแล้ว
จงเป็นผู้ไม่มีมลทินเถิด.
(๑๘:๙)
๒๔๔.
สุชีวํ
อหิริเกน,
กากสูเรน
ธํสินา;
ปกฺขนฺทินา
ปคพฺเภน,
สงฺกิลิฏฺเฐน
ชีวิตํฯ
บุคคลผู้ไม่มีหิริกล้าเพียงดังกา
มักขจัด
มักแล่นไป ผู้คะนอง
เป็นผู้เศร้าหมองเป็นอยู่ง่าย.
(๑๘:๑๐)
๒๔๕.
หิรีมตา
จ ทุชฺชีวํ,
นิจฺจํ
สุจิคเวสินา;
อลีเนนาปคพฺเภน,
สุทฺธาชีเวน
ปสฺสตาฯ
ส่วนบุคคลผู้มีหิริ
มีปกติแสวงหา
ความสะอาดเป็นนิตย์
ไม่หดหู่ ไม่คะนอง
มีอาชีวะหมดจดเห็นอยู่เป็นอยู่ยาก.
(๑๘:๑๑)
๒๔๖.
โย
ปาณมติมาเปติ,
มุสาวาทญฺจ
ภาสติ;
โลเก
อทินฺนํ อาทิยติ,
ปรทารญฺจ
คจฺฉติฯ
นรชนใดย่อมล้างผลาญสัตว์มีชีวิต
ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ในโลก
คบหาภริยาคนอื่น
กล่าวคำเท็จ-
. (๑๘:๑๒)
๒๔๗.
สุราเมรยปานญฺจ,
โย
นโร อนุยุญฺชติ;
อิเธวเมโส
โลกสฺมึ,
มูลํ
ขนติ อตฺตโนฯ
-และประกอบการดื่มสุราเมรัยเนืองๆ
นรชนนี้ย่อมขุดทรัพย์อันเป็นต้นทุน
ของตนในโลกนี้แล.
(๑๘:๑๓)
๒๔๘.
เอวํ
โภ ปุริส ชานาหิ,
ปาปธมฺมา
อสญฺญตา;
มา
ตํ โลโภ อธมฺโม จ,
จิรํ
ทุกฺขาย รนฺธยุํฯ
ดูกรบุรุษผู้เจริญ
ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า
บาปธรรมทั้งหลายอันบุคคลไม่สำรวมแล้ว
ความโลภและสภาวะมิใช่ธรรม
อย่าพึงย่ำยีท่านเพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน.
(๑๘:๑๔)
๒๔๙.
ททาติ
เว ยถาสทฺธํ,
ยถาปสาทนํ
ชโน;
ตตฺถ
โย มงฺกุโต โหติ,
ปเรสํ
ปานโภชเน;
น
โส ทิวา วา รตฺตึ วา,
สมาธึ
อธิคจฺฉติฯ
ชนย่อมให้ตามศรัทธาตามความเลื่อมใสโดยแท้
บุคคลใดย่อมเป็นผู้เก้อเขินในเพราะน้ำและข้าว
ของชนเหล่าอื่นนั้น
บุคคลนั้นย่อมไม่บรรลุสมาธิ
ในกลางวันหรือกลางคืน.
(๑๘:๑๕)
๒๕๐.
ยสฺส
เจตํ สมุจฺฉินฺนํ,
มูลฆจฺฉํ
สมูหตํ;
ส
เว ทิวา วา รตฺตึ วา,
สมาธึ
อธิคจฺฉติฯ
ส่วนผู้ใดตัดความเป็นผู้เก้อเขินนี้ได้ขาด
ถอนขึ้นให้รากขาดแล้ว
ผู้นั้นแลย่อม
บรรลุสมาธิ
ในกลางวันหรือกลางคืน.
(๑๘:๑๖)
๒๕๑.
นตฺถิ
ราคสโม อคฺคิ,
นตฺถิ
โทสสโม คโห;
นตฺถิ
โมหสมํ ชาลํ,
นตฺถิ
ตณฺหาสมา นทีฯ
ไฟเสมอด้วยราคะไม่มี
ผู้จับเสมอด้วยโทสะไม่มี
ข่ายเสมอด้วยโมหะไม่มี
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี.
(๑๘:๑๗)
๒๕๒.
สุทสฺสํ
วชฺชมญฺเญสํ,
อตฺตโน
ปน ทุทฺทสํ;
ปเรสํ
หิ โส วชฺชานิ,
โอปุนาติ
ยถา ภุสํ;
อตฺตโน
ปน ฉาเทติ,
กลึว
กิตวา สโฐฯ
โทษของผู้อื่นเห็นได้ง่าย
ส่วนโทษของตนเห็นได้ยาก
เพราะว่าบุคคลนั้นย่อมโปรยโทษของคนอื่น
ดุจบุคคลโปรยแกลบ
แต่ปกปิดโทษของตนไว้
เหมือนพรานนกปกปิดอัตภาพด้วยกิ่งไม้
ฉะนั้น.
(๑๘:๑๘)
๒๕๓.
ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส,
นิจฺจํ
อุชฺฌานสญฺญิโน;
อาสวา
ตสฺส วฑฺฒนฺติ,
อารา
โส อาสวกฺขยาฯ
อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลผู้ตามเพ่งโทษผู้อื่น
มีความสำคัญในการยกโทษเป็นนิตย์
บุคคลนั้นเป็น
ผู้ไกลจากความสิ้นอาสวะ.
(๑๘:๑๙)
๒๕๔.
อากาเสว
ปทํ นตฺถิ,
สมโณ
นตฺถิ พาหิโร;
ปปญฺจาภิรตา
ปชา,
นิปฺปปญฺจา
ตถาคตาฯ
สมณะภายนอกไม่มี
ดังรอยเท้าไม่มีในอากาศ
ฉะนั้น
หมู่สัตว์ยินดีแล้วในธรรมเครื่องยังสัตว์ให้เนิ่นช้า
พระตถาคตทั้งหลาย
ไม่มีธรรมเครื่องยังสัตว์ให้เนิ่นช้า.
(๑๘:๒๐)
๒๕๕.
อากาเสว
ปทํ นตฺถิ,
สมโณ
นตฺถิ พาหิเร;
สงฺขารา
สสฺสตา นตฺถิ,
นตฺถิ
พุทฺธานมิญฺชิตํฯ
มลวคฺโค
อฏฺฐารสโม นิฏฺฐิโตฯ
สมณะภายนอกไม่มี
ดังรอยเท้าไม่มีในอากาศ
ฉะนั้น
สังขารทั้งหลายเที่ยงไม่มี
กิเลสชาติเครื่องยังสัตว์ให้
หวั่นไหวไม่มีแก่พระพุทธเจ้า.
(๑๘:๒๑)
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen