ปัญหาและเฉลยวิชาวินัย
นักธรรมชั้นตรี
สอบในสนามหลวง
วันจันทร์
ที่ ...
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๗
-------------------------
๑. อุปสัมปทา
(การอุปสมบท)
มี
๓ วิธี ในปัจจุบันใช้วิธีไหน
?
กำหนดสงฆ์อย่างต่ำ
ไว้เท่าไร ?
ไว้เท่าไร ?
๑. ใช้ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา
การอุปสมบทด้วยกรรมมีญัตติเป็นที่
๔ ฯ
กำหนดสงฆ์อย่างต่ำไว้คือ
ในมัธยมประเทศ ๑๐ รูป
ในปัจจันตชนบท ๕ รูป ฯ
๒. พระวินัย
คืออะไร ?
พระภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้ว
ย่อมได้รับอานิสงส์อย่างไร
?
๒. คือ
พระพุทธบัญญัติและอภิสมาจาร
ฯ
พระภิกษุรักษาพระวินัยดีแล้วย่อมได้รับอานิสงส์คือ
ความไม่ต้องเดือดร้อนใจ
ได้รับ ความแช่มชื่นว่า
ได้ประพฤติดีงาม เข้าหมู่สงฆ์ก็อาจหาญ
ฯ
๓. นิสสัยและอกรณียกิจคืออะไร
?
ทั้ง
๒ อย่างรวมเรียกว่าอะไร ?
๓. นิสสัยคือ
ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต
อกรณียกิจคือ กิจที่บรรพชิตไม่ควรทำ
ฯ
ทั้ง
๒ อย่าง รวมเรียกว่า อนุศาสน์
ฯ
๔. สิกขา
กับ สิกขาบท ต่างกันอย่างไร
?
๔. ต่างกันอย่างนี้
สิกขา ได้แก่ข้อที่ควรศึกษา
คือ ศีล สมาธิ และปัญญา
สิกขาบท
ได้แก่ พระบัญญัติมาตราหนึ่งๆ ฯ
ได้แก่ พระบัญญัติมาตราหนึ่งๆ ฯ
๕. อาการที่ภิกษุจะต้องอาบัติข้อที่ว่า
ต้องด้วยสงสัยแล้วขืนทำลง
มีอธิบายอย่างไร ?
๕. มีอธิบายว่า
ภิกษุสงสัยอยู่ว่า ทำอย่างนั้นๆ
ผิดพระบัญญัติหรือไม่
แต่ขืนทำ
ด้วยความสะเพร่าเช่นนี้ ถ้าการที่ทำนั้นผิดพระบัญญัติก็ต้องอาบัติตามวัตถุ ถ้าไม่ผิด
ก็ต้องอาบัติทุกกฏเพราะสงสัยแล้วขืนทำ ฯ
ด้วยความสะเพร่าเช่นนี้ ถ้าการที่ทำนั้นผิดพระบัญญัติก็ต้องอาบัติตามวัตถุ ถ้าไม่ผิด
ก็ต้องอาบัติทุกกฏเพราะสงสัยแล้วขืนทำ ฯ
๖. คำว่า
มาตุคาม ในสังฆาทิเสส สิกขาบทที่
๒,
๓,
๔
และ ๕ ต่างกันอย่างไร ?
๖. มาตุคามในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่
๒ หมายรวมทั้งหญิงที่รู้เดียงสาและไม่รู้เดียงสา
โดยที่สุดแม้เกิดในวันนั้น ส่วนมาตุคามในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓, ๔ และ ๕
หมายเฉพาะหญิงผู้รู้เดียงสาแล้วเท่านั้น ฯ
โดยที่สุดแม้เกิดในวันนั้น ส่วนมาตุคามในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓, ๔ และ ๕
หมายเฉพาะหญิงผู้รู้เดียงสาแล้วเท่านั้น ฯ
๗. ในอนิยต
ที่ลับตา และที่ลับหู
ได้แก่ที่เช่นไร ?
ภิกษุอยู่กับมาตุคามสองต่อสองในที่
เช่นนั้น เป็นทางปรับอาบัติอะไรได้บ้าง ?
เช่นนั้น เป็นทางปรับอาบัติอะไรได้บ้าง ?
๗. ที่ลับตา
ได้แก่ ที่มีวัตถุกำบัง
แลเห็นไม่ได้ ที่ลับหู ได้แก่
ที่แจ้ง แลเห็นได้ แต่ห่าง
ไม่ได้ยินเสียงพูด ฯ
ไม่ได้ยินเสียงพูด ฯ
ในที่ลับตา
เป็นทางปรับอาบัติปาราชิก
สังฆาทิเสส และ ปาจิตตีย์
ในที่ลับหู
เป็นทางปรับอาบัติสังฆาทิเสส
และ ปาจิตตีย์ ฯ
๘. จีวรที่เป็นนิสสัคคีย์แล้ว
ควรสละให้แก่ใคร ?
ถ้าจีวรนั้นสูญหาย
พึงปฏิบัติเช่นไร ?
๘. ควรสละให้แก่สงฆ์ก็ได้
แก่คณะก็ได้ แก่บุคคลก็ได้
ฯ
ถ้าจีวรนั้นสูญหาย
พึงแสดงอาบัติเท่านั้น ฯ
๙. ภิกษุรู้อยู่
น้อมลาภสงฆ์ไปเพื่อตนก็ดี
เพื่อบุคคลก็ดี เพื่อสงฆ์อื่นก็ดี
ต้องอาบัติอะไร ?
๙. น้อมลาภที่เขาจะถวายสงฆ์มาเพื่อตน
ต้องนิสสัคคิยปาจิตตีย์
เพื่อบุคคล ต้องปาจิตตีย์
เพื่อสงฆ์อื่น ต้องทุกกฏ ฯ
เพื่อสงฆ์อื่น ต้องทุกกฏ ฯ
๑๐. ข้อว่า
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า
เราจักฉันบิณฑบาตโดยเคารพ
นั้น มีอธิบายอย่างไร ?
๑๐. มีอธิบายว่า
ภิกษุฉันบิณฑบาต แม้เป็นของเลว
ก็ไม่แสดงอาการวิการ
คือฉันโดยปกติ
และเมื่อฉัน ก็ไม่ฉันพลางทำกิจอื่นพลาง ฯ
และเมื่อฉัน ก็ไม่ฉันพลางทำกิจอื่นพลาง ฯ
ผู้ออกข้อสอบ
|
:
|
|
พระเทพปริยัติสุธี
|
วัดบพิตรพิมุข
|
|
|
|
พระราชปริยัตยาภรณ์
|
วัดเขียนเขต
|
|
|
|
พระศรีธวัชเมธี
|
วัดราชบุรณะ
|
ตรวจ/ปรับปรุง
|
:
|
|
สนามหลวงแผนกธรรม
|
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen