Samstag, 4. Mai 2019

ปัญหาและเฉลย(วิชาพุทธานุพุทธประวัติ) นักธรรมชั้นเอก ปี 2549



ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์ ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.. ๒๕๔๙
---------------------
. บุพพนิมิต ๕ ประการที่เกิดแก่พระโพธิสัตว์ ก่อนจะจุติลงปฏิสนธิ
ในครรภ์พระมารดาคืออะไรบ้าง ?
 ตอบ:
. คือ
. ดอกไม้ทิพย์ประดับกายเหี่ยวแห้ง
. ผ้าภูษาทรงมีสีเศร้าหมอง
. เหงื่อไหลออกจากรักแร้
. ร่างกายปรากฏชรา
. พระทัยกระสันเป็นทุกข์ เหนื่อยหน่ายจากเทวโลก ฯ

. สัมปทาคุณ ๓ ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คืออะไรบ้าง ? เกิดผลดี
อย่างไร ?
 ตอบ:
. คือ
. เหตุสัมปทา คือการบำเพ็ญบารมีมาอย่างครบถ้วน
. ผลสัมปทา คือการที่ทรงได้รับผลของบารมี ทำให้มีรูปกาย
ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ อานุภาพ การละกิเลสและ
พระญาณหยั่งรู้ เป็นต้น
. สัตตูปการสัมปทา คือการที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก
ด้วยพระทัยที่บริสุทธิ์ ฯ
ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและความเลื่อมใสของบัณฑิตชน ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะพึงปรารภเป็นอารมณ์แล้วก่อสร้าง
สั่งสมบุญกุศลให้ไพบูลย์ ฯ

. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ? 
ตอบ:

. มีปาฏิหาริย์ ๗ อย่าง คือ
. พระมารดาทรงประทับยืน
. ประสูติไม่เปรอะเปื้อนด้วยครรภมลทิน
. มีเทวดามาคอยรับก่อน
. มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย
. เมื่อประสูติออกมาทรงเดินได้ ๗ ก้าว
. ทรงเปล่งวาจาเป็นบุพพนิมิตแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ
. แผ่นดินไหว ฯ

. ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์
อยากทราบว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาและอุปมา ๓ ข้อ อย่างไหนเกิดก่อน ?
ทรงมีเหตุผลอย่างไร ?
 ตอบ:
. อุปมา ๓ ข้อเกิดก่อน การบำเพ็ญทุกรกิริยาเกิดภายหลัง ฯ
เพราะเมื่ออุปมา ๓ ข้อ มาปรากฏแก่พระองค์แล้ว ทรงคิดจะบำเพ็ญเพียร
เพื่อป้องกันจิตไม่ให้น้อมไปในกามารมณ์ได้ จึงทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ฯ

. อปาณกฌาน ได้แก่อะไร ? พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญครั้งไหน ? และ
ได้รับผลอย่างไร ?  
ตอบ:
. ได้แก่ความเพ่งไม่มีปราณ คือไม่มีลมอัสสาสะปัสสาสะ โดยเนื้อความ
ก็คือกลั้นลมหายใจไม่ให้ดำเนินทางจมูกและทางปาก ฯ
ได้ทรงบำเพ็ญในคราวทรงทำทุกรกิริยา ฯ
ไม่ได้รับผลที่ทรงมุ่งหวังกลับเป็นการทรมานร่างกายให้ลำบากเปล่า ฯ

.สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้าๆ ไม่ชอบใจหมด” เป็นคำพูดของใคร ?
พระพุทธองค์ ตรัสตอบว่าอย่างไร ? 
ตอบ:
. เป็นคำพูดของทีฆนขะ อัคคิเวสสนโคตร ฯ
ตรัสตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่าน
ก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น ฯ

. พระศาสดารับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะทรงจีวรที่คฤหบดีถวายเป็นต้น แต่ท่านมิได้ทำตาม เพราะเห็นอำนาจประโยชน์อะไร ? 
ตอบ:
. เห็นประโยชน์ ๒ อย่าง คือ
. การอยู่เป็นสุขในบัดนี้ของตน
. การอนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง ประชุมชนในภายหลัง
ทราบว่าสาวกของพระพุทธเจ้าไม่ประพฤติตนอย่างนั้น จักถึง
ทิฏฐานุคติ ปฏิบัติตามที่ตนได้เห็นได้ยิน ความปฏิบัตินั้น จัก
เป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่เขาสิ้นกาลนาน ฯ

. ก่อนที่ท่านพระโมฆราชจะมาเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเคยเป็น
ศิษย์ของใคร ? ผู้นั้นตั้งสำนักสอนอยู่ที่ไหน ? 
ตอบ:
. เป็นศิษย์ของพาวรีพราหมณ์ ฯ
อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ ฯ

. ท่านพระอานนท์ทูลขอพรพระบรมศาสดาก่อนจะรับเป็นพุทธุปัฏฐากไว้
๘ ข้อ ท่านมีเหตุผลที่ทูลขอพร ๔ ข้อหลังว่าอย่างไร ?
 ตอบ:
. ใน ๔ ข้อหลังนี้ ๓ ข้อแรก เพื่อจะป้องกันคนพูดว่า พระอานนท์บำรุง
พระศาสดาทำอะไร เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ส่วนข้อสุดท้าย เมื่อมีคนถามในที่ลับหลัง พระพุทธองค์ว่า ธรรมนี้
พระองค์ทรงแสดงในที่ไหน ถ้าท่านบอกไม่ได้ เขาก็จะพูดได้ว่า ท่าน
ไม่รู้แม้แต่เรื่องเท่านี้ ไม่ละพระศาสดาเที่ยวตามเสด็จอยู่ ดุจเงาตามตัว
สิ้นกาลนาน เพราะเหตุอะไร ฯ

๑๐. บุคคลต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางใด ?
. พระอนุรุทธเถระ
. พระโสณโกฬิวิสเถระ
. พระรัฐปาลเถระ
. นางปฏาจาราเถรี
. นางกีสาโคตมีเถรี
ตอบ:
๑๐. . พระอนุรุทธเถระ ได้ทิพยจักษุญาณ
. พระโสณโกฬิวิสเถระ มีความเพียรปรารภแล้ว
. พระรัฐปาลเถระ บวชด้วยศรัทธา
. นางปฏาจาราเถรี ทรงไว้ซึ่งวินัย
. นางกีสาโคตมีเถรี ทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง ฯ

*********

Keine Kommentare: