Mittwoch, 16. Oktober 2019

ปัญหาและเฉลย(วิชาวินัยบัญญัติ) นักธรรมชั้นโท ปี 2545




ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๔๕
-----------------------------

. . อภิสมาจารคืออะไร ? แบ่งเป็นกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?
. ขันธ์แห่งจีวรประกอบด้วยอะไรบ้าง ? ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้อย่างไร ?
ตอบ:
. คือธรรมเนียมของภิกษุ แบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ
เป็นข้อห้าม ๑ เป็นข้ออนุญาต ๑ ฯ
. ประกอบด้วยมณฑล อัฑฒมณฑล และอัฑฒกุสิ ฯ ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้
ว่า จีวรผืนหนึ่งให้มีขันธ์ไม่น้อยกว่า ๕ เกินกว่านั้นใช้ได้ แต่ให้เป็นขันธ์ที่เป็นคี่
คือ ๗, , ๑๑ เป็นต้น ฯ


. . ในบาลีแสดงเหตุนิสัยจะระงับจากอุปัชฌาย์ไว้เท่าไร ? อะไรบ้าง ?
. ภิกษุผู้ควรจะได้นิสัยมุตตกะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ?

ตอบ:
. แสดงไว้ ๕ ประการคือ อุปัชฌาย์หลีกไปเสีย ๑ สึกเสีย ๑ ตายเสีย ๑
ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๑ สั่งบังคับ ๑ ฯ
. มีคุณสมบัติ คือ
) เป็นผู้มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีวิริยะ มีสติ
) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยินได้ฟังมาก
มีปัญญา
) รู้จักอาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัติหนัก จำปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ
ทั้งมีพรรษาได้ ๕ หรือยิ่งกว่า ฯ


. . อุปัชฌาย์ประณามสัทธิวิหาริกผู้ประพฤติมิชอบด้วยเหตุอะไรบ้าง ?
. อาการที่อุปัชฌาย์ประณามสัทธิวิหาริกพึงทำอย่างไร ?
ตอบ:
. ด้วยเหตุดังนี้ คือ
หาความรักใคร่ในอุปัชฌาย์มิได้ ๑ หาความเลื่อมใสมิได้ ๑ หาความละอาย
มิได้ ๑ หาความเคารพมิได้ ๑ หาความหวังดีต่อมิได้ ๑ ฯ
. พึงพูดให้รู้ว่าตนไล่เธอเสีย ในบาลีแสดงไว้ว่า เราประณามเธอ เธออย่าเข้ามา
ณ ที่นี้ จงขนบาตรจีวรของเธอออกไปเสีย หรือเธอไม่ต้องอุปัฏฐากเราดังนี้
หรือแสดงอาการทางกายให้รู้อย่างนั้นก็ได้ ฯ


. . ภิกษุผู้เป็นอาคันตุกะ ไปสู่อาวาสอื่น พึงประพฤติให้ถูกธรรมเนียมอย่างไร ?
. ภิกษุผู้เข้าไปรับบิณฑบาตในละแวกบ้าน พึงประพฤติให้ถูกธรรมเนียมอย่างไร ?
ตอบ:
. พึงประพฤติดังนี้
) ทำความเคารพในท่าน
) แสดงความเกรงใจเจ้าของถิ่น
) แสดงอาการสุภาพ
) แสดงอาการสนิทสนมกับเจ้าของถิ่น
) ถ้าจะอยู่ที่นั่น ควรประพฤติให้ถูกธรรมเนียมของเจ้าของถิ่น
) ถือเสนาสนะแล้วอย่าดูดาย เอาใจใส่ชำระปัดกวาดให้หมดจด จัดตั้ง
เครื่องเสนาสนะให้เป็นระเบียบ ฯ
. พึงประพฤติอย่างนี้
) นุ่งห่มให้เรียบร้อย
) ถือบาตรในภายในจีวร
) สำรวมกิริยาให้เรียบร้อย
) กำหนดทางเข้าทางออกแห่งบ้าน
) รับบิณฑบาตด้วยอาการสำรวม ฯ


. . ภิกษุผู้เข้าไปในเจติยสถาน ควรปฏิบัติอย่างไร ?
. ภิกษุได้ชื่อว่า "กุลปสาทโก ผู้ยังตระกูลให้เลื่อมใส" เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?
ตอบ:
. ควรปฏิบัติอย่างนี้ คือไม่กั้นร่ม ไม่สวมรองเท้า ไม่ห่มคลุมเข้าไป ไม่แสดง
อาการดูหมิ่นต่างๆ เช่นพูดเสียงดัง และนั่งเหยียดเท้าเป็นต้น ไม่ถ่ายอุจจาระ
ปัสสาวะ และไม่ถ่มเขฬะในลานพระเจดีย์ ฯ
. เพราะมีปฏิปทาอย่างนี้ คือเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระ ไม่ทอดตนเป็นคนสนิท
ของสกุล โดยฐานเป็นคนเลว และอีกอย่างหนึ่ง ไม่รุกรานตัดรอนเขา แสดง
เมตตาจิตต่อเขา ประพฤติพอดีพองาม ยังความเลื่อมใสนับถือของเขาให้เกิดในตน ฯ


. . ดิถีที่กำหนดให้เข้าจำพรรษาในบาลีกล่าวไว้เท่าไร ? อะไรบ้าง ?
. สัตตาหกรณียะ และ สัตตาหกาลิก มีอธิบายอย่างไร ?
ตอบ:
. กล่าวไว้ ๒ คือ
) ปุริมิกา วัสสูปนายิกา วันเข้าพรรษาต้น คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘
) ปัจฉิมิกา วัสสูปนายิกา วันเข้าพรรษาหลัง คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ฯ
. สัตตาหกรณียะ คือภิกษุผู้อยู่จำพรรษาไปแรมคืนที่อื่นด้วยกิจจำเป็นบางอย่าง
แต่กลับมาภายใน ๗ วัน เรียกว่าไปด้วยสัตตาหกรณียะ หรือสัตตาหะ ฯ
สัตตาหกาลิก คือของที่รับประเคนแล้วเก็บไว้บริโภคได้ ๗ วัน ฯ


. . ผู้ทำและอาการที่ทำ ในการทำอุโบสถ มีอะไรบ้าง ?
. การทำอุโบสถต้องพร้อมด้วยองค์อย่างไรบ้าง ?
ตอบ:
. ผู้ทำมี ๓ คือสงฆ์ คณะ และบุคคล ฯ อาการที่ทำมี ๓ คือสวดปาฏิโมกข์
บอกความบริสุทธิ์ และอธิษฐาน ฯ
. พร้อมด้วยองค์ ๔ คือ
) วันนั้นเป็นวันอุโบสถที่ ๑๔ หรือ ๑๕ หรือวันสามัคคี วันใดวันหนึ่ง
) ภิกษุผู้เข้าประชุมครบองค์ประชุม คือตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
) พวกเธอไม่ต้องสภาคาบัติ
) บุคคลที่จำต้องเว้น ไม่มีในที่ประชุมนั้น ฯ


. . วันปวารณา และอาการที่กระทำ คืออะไรบ้าง ?
. การตั้งญัตติในสังฆปวารณามีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ:
. วันปวารณามี ๓ คือ จาตุททสี ที่ ๑๔ ค่ำ ๑ ปัณณรสี ที่ ๑๕ ค่ำ ๑ สามัคคี
วันที่ภิกษุสงฆ์พร้อมเพรียงกัน ๑ ฯ อาการที่กระทำมี ๓ คือปวารณาต่อ
ที่ประชุม ๑ ปวารณากันเอง ๑ อธิษฐานใจ ๑ ฯ
. มี ๕ อย่าง คือ เตวาจิกาญัตติ ๑ เทววาจิกาญัตติ ๑ เอกวาจิกาญัตติ ๑
สมานวัสสิกาญัตติ ๑ สัพพสังคาหิกาญัตติ ๑ ฯ


. . ภิกษุไม่สังวรในอุปปถกิริยา จะพึงได้รับโทษอย่างไรบ้าง ?
. การแสวงหาเช่นไรจัดเป็นโลกวัชชะ มีโทษทางโลก ? เช่นไรจัดเป็นปัณณัตติวัชชะ มีโทษทางพระบัญญัติ ?
ตอบ:
. ปรับเป็นอาบัติทุกกฏ และเป็นฐานที่สงฆ์จะพึงลงโทษ ๔ สถาน อย่างใดอย่างหนึ่ง
ตามโทษานุโทษ คือ
) ตัชชนียกรรม ตำหนิโทษ
) นิยสกรรม ถอดยศ คือถอดความเป็นผู้ใหญ่
) ปัพพาชนียกรรม ขับไล่จากวัด
) ปฏิสารณียกรรม ให้หวนระลึกถึงความผิด ฯ
. การแสวงหาในทางบาป เช่นทำโจรกรรมและหลอกลวงให้เขาเชื่อถือ และในทางที่โลกเขาดูหมิ่น จัดเป็นโลกวัชชะ ฯ การแสวงหาในทางผิดธรรมเนียมของ
ภิกษุ แม้ไม่มีโทษแก่คนพวกอื่น จัดเป็นปัณณัตติวัชชะ ฯ


๑๐. ๑๐. ในบาลีแสดงลักษณะการถือวิสาสะไว้อย่างไรบ้าง ?
๑๐. เหตุที่ควรถือเป็นประมาณ ๕ ประการให้บริขารขาดอธิษฐาน มีอะไรบ้าง ?

ตอบ:
๑๐. แสดงไว้อย่างนี้ คือ
) เป็นผู้เคยได้เห็นกันมา
) เป็นผู้เคยคบกันมา
) ได้พูดกันไว้
) ยังมีชีวิตอยู่
) รู้ว่าของนั้น เราถือเอาแล้ว เจ้าของจักพอใจ ฯ
๑๐. มีดังนี้ คือ
) ให้แก่ผู้อื่น
) ถูกโจรชิงเอาไปหรือลักเอาไป
) มิตรถือเอาด้วยวิสาสะ
) ถอนเสียจากอธิษฐาน
) เป็นช่องทะลุ ฯ

ผู้ออกข้อสอบ
:
.
พระธรรมเมธาจารย์
วัดบุรณศิริมาตยาราม


.
พระราชวิสุทธิโมลี
วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทุรี


.
พระศรีปริยัติเมธี
วัดเทพธิดาราม
ตรวจ/ปรับปรุง
:
โดยสนามหลวงแผนกธรรม



Keine Kommentare: