Dienstag, 24. April 2018

ธัมมปทปาฬิ-แปล_๒๖/๒. อัปปมาทวรรค

๒. อปฺปมาทวคฺโค
 

คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒
๒๑.
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ; 


อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตาฯ

ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน 

ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย 
ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย 
ชนเหล่าใดประมาทแล้วย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว (๒:๑)

๒๒.
เอวํ วิเสสโต ญตฺวา, อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตา;
 

อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, อริยานํ โคจเร รตาฯ

บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท 

ทราบเหตุนั่นโดยความแปลกกันแล้ว 
ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท, ยินดีแล้ว
ในธรรมอันเป็นโคจรของพระอริยเจ้าทั้งหลาย (๒:๒)


๒๓.
เต ฌายิโน สาตติกา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา; 


ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํฯ

ท่านเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์ เพ่งพินิจ-

มีความเพียรเป็นไปติดต่อ
มีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ 

ย่อมถูกต้องนิพพานอันเกษมจาก
โยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ (๒:๓)

๒๔.
อุฏฺฐานวโต สติมโต, สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน;
 

สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน, อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติฯ

ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ
มีการงานอันสะอาด ผู้ใคร่ครวญแล้วจึงทำ
ผู้สำรวมระวัง ผู้เป็นอยู่โดยธรรม และผู้ไม่ประมาท (๒:๔)

๒๕.
อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน, สญฺญเมน ทเมน จ;
 

ทีปํ กยิราถ เมธาวี, ยํ โอโฆ นาภิกีรติฯ

ผู้มีปัญญาพึงทำที่พึงที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้
ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท
ความสำรวมระวัง และความฝึกตน (๒:๕)

๒๖.
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ, พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา; 


อปฺปมาทญฺจ เมธาวี, ธนํ เสฏฺฐํว รกฺขติฯ

ชนทั้งหลายผู้เป็นพาลมีปัญญาทราม
ย่อมประกอบตามความประมาท
ส่วนนักปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาท
เหมือนทรัพย์อันประเสริฐสุด (๒:๖)

๒๗.
มา ปมาทมนุยุญฺเชถ, มา กามรติสนฺถวํ;
 

อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ สุขํฯ

ท่านทั้งหลายอย่าประกอบตามความประมาท
อย่าประกอบการชมเชยด้วยสามารถความยินดีในกาม
เพราะว่าคนผู้ไม่ประมาทแล้ว เพ่งอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์ (๒:๗)

๒๘.
ปมาทํ อปฺปมาเทน, ยทา นุทติ ปณฺฑิโต;
 

ปญฺญาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
 
ปพฺพตฏฺโฐว ภุมฺมฏฺเฐ, ธีโร พาเล อเวกฺขติฯ

เมื่อใด บัณฑิตย่อมบรรเทาความประมาทด้วยความไม่ประมาท
เมื่อนั้นบัณฑิตผู้มีความประมาทอันบรรเทาแล้วนั้น 

ขึ้นสู่ปัญญาดุจปราสาท ไม่มีความโศก 
ย่อมพิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้มีความโศก 
นักปราชญ์ย่อมพิจารณาเห็นคนพาล 
เหมือนบุคคลอยู่บนภูเขามองเห็นคนผู้อยู่ที่ภาคพื้น ฉะนั้น (๒:๘)

๒๙.
อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ, สุตฺเตสุ พหุชาคโร;
 

อพลสฺสํว สีฆสฺโส, หิตฺวา ยาติ สุเมธโสฯ

ผู้มีปัญญาดี เมื่อสัตว์ทั้งหลายประมาทแล้ว
ย่อมไม่ประมาทเมื่อสัตว์ทั้งหลายหลับ
ย่อมตื่นอยู่โดยมาก ย่อมละบุคคลเห็นปานนั้นไป
ประดุจม้ามีกำลังเร็วละม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น (๒:๙)

๓๐.
อปฺปาเทน มฆวา, เทวานํ เสฏฺฐตํ คโต; 


อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ, ปมาโท ครหิโต สทาฯ

ท้าวมัฆวาฬถึงความเป็นผู้ประเสริฐที่สุด

กว่าเทวดาทั้งหลายด้วยความไม่ประมาท 
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท 
ความประมาทบัณฑิตติเตียนทุกเมื่อ (๒:๑๐)

๓๑.
อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
 

สญฺโญชนํ อณุํ ถูลํ, ฑหํ อคฺคีว คจฺฉติฯ

ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท
หรือเห็นภัยในความประมาท
เผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป
ดังไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไป ฉะนั้น (๒:๑๑)

๓๒.
อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
 

อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกฯ

อปฺปมาทวคฺโค ทุติโยฯ

ภิกษุผู้ยินดีแล้วในความไม่ประมาท
หรือเห็นภัยในความประมาท
เป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อมรอบ
ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว. (๒:๑๒)
 
   จบอัปปมาทวรรคที่ ๒

Keine Kommentare: