ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ
นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์
ที่
..
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๖
---------------------------------
๑.
๑.๑
ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สำเร็จด้วยญาณอะไร
?
เพราะเหตุไร
?
๑.๒
พระพุทธองค์
ครั้นตรัสรู้แล้ว
ทรงเปล่งพระอุทานในยามสุดท้าย
มีความว่าอย่างไร
?
ตอบ:
๑.๑
ด้วยอาสวักขยญาณ
ฯ
เพราะอาสวักขยญาณ
คือความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ
คือ
เครื่องเศร้าหมองอันหมักหมมในจิตสันดาน
ฯ
๑.๒
มีความว่า
“
เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏชัดแก่พราหมณ์ผู้มีเพียรเพ่งอยู่
พราหมณ์นั้นย่อมกำจัดเสนามาร
คือชรา
พยาธิ
มรณะ
เสียได้
ดุจ
พระอาทิตย์อุทัย
กำจัดมืดทำอากาศให้สว่างขึ้นฉะนั้น”
ฯ
๒.
๒.๑
พระพุทธองค์ทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่ไหนเป็นแห่งแรก
?
ทรงเห็นประโยชน์อะไรจึงทรงประดิษฐาน
ณ
ที่นั้น
?
๒.๒
การที่พระพุทธองค์ทรงสามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาได้มั่นคง
เพราะทรงสั่งสอนโดยอาการอย่างไรบ้าง
?
ตอบ:
๒.๑
ที่
กรุงราชคฤห์
ฯ
เพราะทรงเห็นว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่บริบูรณ์มั่งคั่ง
และ
มีศาสดาเจ้าลัทธิมาก
ถ้าได้โปรดคนเหล่านี้ให้เกิดความเลื่อมใสได้แล้ว
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เพราะศาสดา
เจ้าลัทธิต่างๆ
นั้น
ล้วนมีศิษยานุศิษย์มาก
ผู้คนนับถือมาก
ด้วยเหตุนี้
จึงทรงเลือกเมืองนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก
ฯ
๒.๒
โดยอาการ
๓
อย่าง
คือ
๑)
ทรงสั่งสอนให้ผู้ฟังรู้ยิ่ง
เห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควรเห็น
๒)
ทรงสั่งสอนมีเหตุมีผลที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้
๓)
ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์ที่ผู้ปฏิบัติตาม
ย่อมได้รับผลโดยสมควร
แก่การปฏิบัติ
ฯ
๓.
๓.๑
ความปรารถนาของพระเจ้าพิมพิสารข้อที่
๕
ความว่าอย่างไร
?
๓.๒
ความปรารถนานั้นสำเร็จแก่พระองค์เมื่อไร
?
ที่ไหน
?
ตอบ:
๓.๑
ความว่า
“ขอให้ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมของพระอรหันต์”
ฯ
๓.๒
สำเร็จบริบูรณ์ในวันที่ได้ฟังอนุปุพพีกถาและอริยสัจ
๔
ที่พระพุทธองค์
ทรงแสดงโปรด
จนได้ดวงตาเห็นธรรม
ฯ
ที่สวนตาลหนุ่ม
ฯ
๔.
๔.๑
พระวาจาที่พระมหาบุรุษทรงเปล่งในวันประสูตินั้น
เรียกว่าอะไร
?
ใจความโดยย่ออย่างไร
?
๔.๒
พระพุทธกิจ
๕
อย่าง
มีอะไรบ้าง
?
ข้อไหนที่ทรงบำเพ็ญเป็นนิจตราบเท่าปรินิพพาน
?
ตอบ:
๔.๑
เรียกว่า
อาสภิวาจา
ฯ
ใจความย่อว่า
“
เราเป็นผู้เลิศเป็นยอดแห่งโลก
เราเป็นผู้เจริญผู้ใหญ่แห่งโลก
เราเป็นผู้ประเสริฐแห่งโลก
ความบังเกิดชาตินี้มี
ณ
ที่สุด
บัดนี้
ความบังเกิดอีกมิได้มี
”
ฯ
๔.๒
มี
๕
อย่าง
ฯ
คือ
๑)
เวลาเช้า
เสด็จออกบิณฑบาต
๒)
เวลาเย็น
ทรงแสดงธรรม
๓)
เวลาย่ำค่ำ
ทรงโอวาทภิกษุ
๔)
เวลาเที่ยงคืน
ทรงตอบปัญหาเทวดา
๕)
เวลาย่ำรุ่ง
ทรงตรวจดูเวไนยสัตว์
ฯ
ยกเว้นข้อเสด็จออกบิณฑบาต
นอกนั้นทรงบำเพ็ญเป็นนิจ
ตราบเท่าปรินิพพาน
ฯ
๕.
๕.๑
โอวาทปาฏิโมกข์ทรงแสดงที่ไหน
?
เมื่อไร
?
๕.๒
ข้อที่ทรงยกขันติขึ้นตรัสในโอวาทปาฏิโมกข์นั้น
หมายความว่าอย่างไร
?
ตอบ:
๕.๑
ที่เวฬุวนาราม
กรุงราชคฤห์
ฯ
เมื่อวันเพ็ญเดือน
๓
ฯ
๕.๒
หมายความว่า
ศาสนธรรมคำสอนของพระองค์เป็นไปเพื่อให้อดทนต่อเย็น
ร้อน
หิวระหาย
ถ้อยคำให้ร้าย
ใส่ความ
ด่าว่า
และทุกขเวทนาอันแรงกล้าเกิดแต่อาพาธ
ฯ
๖.
๖.๑
อุปติสสปริพาชก
เมื่อได้ฟังธรรมโดยย่อจากพระอัสสชิเถระแล้ว
มีความเข้าใจในเนื้อความแห่งธรรมนั้นว่าอย่างไร
?
๖.๒
ครั้งพุทธกาล
กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนาขออนุญาตบวช
จากมารดาบิดา
เมื่อไม่ได้รับอนุญาตก็เสียใจ
จึงทำการประท้วง
กุลบุตร
ผู้นั้นคือใคร
?
ประท้วงด้วยวิธีใด
?
ตอบ:
๖.๑
ว่าอย่างนี้คือ
“
ธรรมทั้งปวงเกิดแต่เหตุ
และจะสงบระงับไป
เพราะเหตุ
ดับก่อน
พระศาสดา
ทรงสั่งสอนให้ปฏิบัติ
เพื่อสงบระงับเหตุแห่งธรรมเป็นเครื่องก่อให้เกิดทุกข์”
ฯ
๖.๒
กุลบุตรผู้นั้น
คือพระรัฐบาล
ฯ
ประท้วงด้วยวิธีนอนไม่ลุกขึ้น
และอดอาหาร
ฯ
๗.
๗.๑
อนาถบิณฑิกเศรษฐี
มีนามเดิมว่าอะไร
?
๗.๒
ท่านได้บรรลุคุณวิเศษอะไรในพระพุทธศาสนา
?
ตอบ:
๗.๑
สุทัตตะ
ฯ
๗.๒
โสดาปัตติผล
ฯ
๘.
๘.๑
ผู้ได้นามว่า
“
ภัทเทกรัตตะ
”
ผู้มีราตรีเดียวเจริญ
เพราะประพฤติเช่นไร
?
๘.๒
พระเถระรูปใดได้รับยกย่องว่าเป็นผู้เข้าใจอธิบายเรื่อง
“
ผู้มีราตรีเดียวเจริญ
”
นี้ให้พิสดาร
?
ตอบ:
๘.๑
เพราะเป็นผู้มีความเพียร
ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันกลางคืน
อยู่ด้วยความไม่ประมาท
ฯ
๘.๒
พระมหากัจจายนเถระ
ฯ
๙.
๙.๑
ปัญหาว่า
“
หมู่มนุษย์ในโลกนี้
คือ
ฤษี
กษัตริย์
พราหมณ์
เป็นอันมาก
อาศัยอะไร
จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา
”
ใครเป็นผู้ถาม
?
๙.๒
พระศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอย่างไร
?
ตอบ:
๙.๑
ปุณณกมาณพ
ฯ
๙.๒
ทรงพยากรณ์ว่า
“
หมู่มนุษย์เหล่านั้นอยากได้ของที่ตนปรารถนา
อาศัยของที่มีชราทรุดโทรม
จึงบูชายัญบวงสรวงเทวดา
”
ฯ
๑๐.
๑๐.๑
พระพุทธดำรัสว่า
“
ดูก่อนสุภัททะ
ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้
จะพึงอยู่ดีอยู่ชอบแล้วไซร้
โลกก็จกไม่พึงว่างเปล่าจากพระอรหันต์ทั้งหลาย
”
ดังนี้
คำว่า
“
พระอรหันต์
”
ในที่นี้
หมายถึงใคร
?
๑๐.๒
โทณพราหมณ์
ได้กล่าวสุนทรพจน์ในวันแจกพระบรมสารีริกธาตุ
มีใจความย่ออย่างไร
?
ตอบ:
๑๐.๑
หมายถึง
พระขีณาสวอรหันต์
ฯ
๑๐.๒
มีใจความย่อดังนี้
๑) พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรมและตำหนิในการที่จะทำ
สงครามกัน
๒)
ชวนให้สามัคคีร่วมใจกัน
โดยแบ่งส่วนพระบรมสารีริกธาตุเท่า
ๆ กัน ฯ
ผู้ออกข้อสอบ
|
:
|
๑.
พระพรหมเวที
|
วัดไตรมิตรวิทยาราม
|
|
|
๒.
พระเทพมงคลสุธี
|
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
|
|
|
๓.
พระศรีวชิรโมลี
|
วัดเทวราชกุญชร
|
ตรวจ/ปรับปรุง
|
:
|
สนามหลวงแผนกธรรม
|
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen