ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ
นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์
ที่
..
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๖
----------------------------------
๑.
๑.๑
สังฆกรรมมีกี่อย่าง
?
อะไรบ้าง
?
๑.๒
ในสีมาเดียวกัน
ภิกษุจะประชุมกันทำสังฆกรรมวันหนึ่ง
๒
ครั้งไม่ได้
ข้อนี้มีความจริงเป็นอย่างไร
?
จงอธิบาย
ตอบ:
๑.๑
มี
๔
อย่าง
คือ
๑) อปโลกนกรรม
๒) ญัตติกรรม
๓) ญัตติทุติยกรรม
๔) ญัตติจตุตถกรรม
ฯ
๑.๒
มีความจริงเป็นอย่างนี้
คือ
สังฆกรรมบางอย่าง
เช่น
อุโบสถ
ปวารณา
ภิกษุอยู่ในสีมาเดียวกัน
จะต้องพร้อมเพรียงกันทำ
จะแยกกันทำ
๒
พวก
๒
ครั้งไม่ได้
แต่สังฆกรรมบางอย่าง
เช่น
อุปสมบทกรรม
อัพภานกรรม
จะทำวันเดียวหลายครั้งก็ได้
ฯ
๒.
๒.๑
สีมามีกี่ประเภท
?
อะไรบ้าง
?
๒.๒
แดนที่มีสังวาสเสมอกันเรียกว่าอะไร
?
มีประโยชน์อย่างไร
?
ตอบ:
๒.๑
มี
๒
ประเภท
คือ
๑)
พัทธสีมา
๒)
อพัทธสีมา
ฯ
๒.๒
เรียกว่า
สมานสังวาสสีมา
ฯ
มีประโยชน์อย่างนี้
คือ
ภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้
มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ
ปวารณา
และสังฆกรรมร่วมกัน
เป็นแดนที่กำหนดความพร้อมเพรียง
ภิกษุผู้อยู่ในสีมานี้ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์
หรือนำฉันทะของภิกษุ
ผู้ไม่มาเข้าประชุม
เรียกว่าสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน
ฯ
๓.
๓.๑
การทักนิมิตในทิศทั้ง
๘
นั้น
ทักทิศละหนถูกต้องหรือไม่
?
เพราะเหตุไร
?
๓.๒
จงเขียนคำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มาดู
?
ตอบ:
๓.๑
ไม่ถูกต้อง
ฯ
ที่ถูกต้องนั้นเมื่อเริ่มต้นทักนิมิตในทิศบูรพาแล้ว
ทักมา
โดยลำดับจนถึงนิมิตสุด
ต้องวนไปทักนิมิตในทิศบูรพาซ้ำอีก
ฯ
๓.๒
คำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือว่าดังนี้
“
อุตฺตราย
อนุทิสาย
กึ
นิมิตฺตํ
”
ฯ
๔.
๔.๑
คำว่า
“
กฐิน
”
เป็นชื่อของอะไร
?
มีชื่อเรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร
?
๔.๒
การกรานกฐินนั้น
มีวิธีปฏิบัติอย่างไร
?
ตอบ:
๔.๑
เป็นชื่อของสังฆกรรมอย่างหนึ่ง
ฯ
เพราะมีชื่อออกจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออก
เพื่อขึงจีวรเย็บ
ฯ
๔.๒
มีวิธีปฏิบัติอย่างนี้
คือ
เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในกาลเช่นนั้นพอจะทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้
สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง
เพื่อประโยชน์นี้
ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้นเอาไปทำจีวรให้เสร็จในวันนั้น
แล้วมาบอกภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา
ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา
ฯ
๕.
๕.๑
ศัพท์ว่า
“
บรรพชา
”
มีอธิบายว่าอย่างไร
?
๕.๒
นอกจากคนมีอายุไม่ครบ
๒๐
ปีบริบูรณ์
และอภัพพบุคคลแล้ว
ยังมีบุคคลจำพวกไหนอีกบ้างที่ห้ามไม่ให้อุปสมบท
?
ตอบ:
๕.๑
มีอธิบายว่า
ศัพท์นี้
หมายเอาการบวชทั่วไป
รวมทั้งอุปสมบทด้วยก็มี
หมายเอาเฉพาะการบวชเป็นบุรพประโยคแห่งอุปสมบทก็มี
หมายถึง
การบวชลำพังเป็นสามเณรก็มี
ฯ
๕.๒
มีบุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้อุปสมบทอีก
๓
จำพวก
คือ
๑)
คนไม่มีอุปัชฌาย์
หรือมีคนอื่นนอกจากภิกษุเป็นอุปัชฌาย์
หรือ
ถือสงฆ์
ถือคณะเป็นอุปัชฌาย์
๒)
คนไม่มีบาตร
ไม่มีจีวร
หรือไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร
๓)
คนยืมบาตร
ยืมจีวรเขามาหรือยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามา
ฯ
๖.
๖.๑
ไตรจีวร
กำหนดให้เรียกผ้านุ่งว่า
อันตรวาสก
เรียกผ้าห่มว่า
อุตตราสงค์
เรียกผ้าทาบว่า
สังฆาฏิ
ในเวลาไหนบ้าง
?
๖.๒
ผ้า
๓
ผืนนั้น
กำหนดให้เรียกว่า
จีวร
ในเวลาไหนบ้าง
?
ตอบ:
๖.๑
ในเวลาดังต่อไปนี้
คือ
ในเวลาบอกบาตรจีวรแก่อุปสัมปทาเปกขะ
ในเวลาอธิษฐานเป็นผ้าครอง
ในเวลาปัจจุทธรณ์
และในเวลากรานกฐิน
ฯ
๖.๒
ในเวลาผ้า
๓
ผืนนั้น
เป็นนิสสัคคีย์เพราะอยู่ปราศ
คำเสียสละเรียกว่าจีวรทุกผืน
และในเวลาผ้าเหล่านั้นเป็นอติเรกจีวร
คำวิกัป
คำถอนวิกัป
รวมเรียกว่าจีวรทั้งสิ้น
ฯ
๗.
๗.๑
สัมมุขาวินัยสำหรับระงับวิวาทาธิกรณ์นั้น
มีวิธีอย่างไร
?
๗.๒
อธิกรณ์ที่ภิกษุจะพึงยกขึ้นว่านั้น
ต้องเป็นเรื่องที่มีมูล
ก็เรื่องที่มูลนั้นมีลักษณะเช่นไร
?
ตอบ:
๗.๑
มีวิธีอย่างนี้
คือ
๑)
ด้วยการตกลงกันเอง
๒)
ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย
๓)
ด้วยอำนาจแห่งสงฆ์
๗.๒
มีลักษณะ
๓
ประการ
คือ
๑)
เรื่องที่ได้เห็นเอง
๒)
เรื่องที่ได้ยินเอง
หรือมีผู้บอกและเชื่อว่าเป็นจริง
๓)
เรื่องที่เว้นจาก
๒
สถานนั้น
แต่รังเกียจโดยอาการ
ฯ
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์
พ.ศ.
๒๕๐๕,
(ฉบับที่
๒)
พ.ศ.
๒๕๓๕
๘.
๘.๑
องค์กรการปกครองคณะสงฆ์สูงสุด
คืออะไร
?
๘.๒
ตามมาตรา
๑๒
แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
กำหนดองค์ประกอบขององค์กรนั้นไว้อย่างไร
?
ตอบ:
๘.๑
คือ
มหาเถรสมาคม
ฯ
๘.๒
กำหนดไว้ดังนี้
สมเด็จพระสังฆราช
ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป
เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
และ
พระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง
มีจำนวนไม่เกิน
๑๒
รูปเป็นกรรมการ
ฯ
๙.
๙.๑
ภิกษุรูปหนึ่งต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย
ภิกษุนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไร
?
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราไหน
?
๙.๒
ถ้าภิกษุนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะถูกลงโทษอย่างไร
?
ตอบ:
๙.๑
ภิกษุนั้นต้องสึกภายในสามวัน
นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ฯ
ตามมาตรา
๒๘
แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ฯ
๙.๒
ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
ตามมาตรา
๔๓
แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ฯ
๑๐.
๑๐.๑
ที่วัด
ที่ธรณีสงฆ์
และที่ศาสนสมบัติกลาง
ได้แก่สถานที่เช่นไร
?
๑๐.๒
เจ้าพนักงาน
ตามความในประมวลกฎหมายอาญา
ในพระราชบัญญัติ
คณะสงฆ์ได้แก่ใคร
?
ตอบ:
๑๐.๑
ที่วัด
ได้แก่ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
ที่ธรณีสงฆ์
ได้แก่ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
ที่ศาสนสมบัติกลาง
ได้แก่ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่
ของวัดใดวัดหนึ่ง
ฯ
๑๐.๒
ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร
ฯ
ผู้ออกข้อสอบ
|
:
|
๑.
พระเทพรัชมงคลเมธี
|
วัดนรนาถสุนทริการาม
|
๒.
พระเทพเวที
|
วัดกัลยาณมิตร
|
||
๓.
พระศรีรัตนโมลี
|
วัดพระปฐมเจดีย์
|
||
ตรวจ/ปรับปรุง
|
:
|
สนามหลวงแผนกธรรม
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen