๓๕. สี่ผู้ไม่รู้อิ่ม
น ติตฺติ ราชา ธนมฺหิ, ปณฺฑิโตปิ สุภาสิเต;
จกฺขุํปิ ปิยทสฺสเน, ชเล สาคโร น ติตฺติฯ
„พระราชา ย่อมไม่อิ่มในทรัพย์(อำนาจ)
แม้บัณฑิต ย่อมไม่อิ่มในคำสุภาษิต
จักษุเล่า ย่อมไม่อิ่มในการเห็นรูปที่น่ารัก
ทะเลสาคร หรือจะอิ่มในสายน้ำ!?!“.
(โลกนีติ หมวดบัณฑิต คาถาที่ ๓๕, ธัมมนีติ ๓๕๕, กวิทัปปณนีติ ๙๖)
..
ศัพท์น่ารู้ :
น (ไม่, หามิได้) นิบาตบอกปฏิเสธ
ติตฺติ (ความอิ่ม, ผู้อิ่ม) ติตฺติ+สิ ศัพท์ว่า ติตฺติ มาจาก ติส+ติ ปัจจัยในนามกิตก์ หรือ ติส-ปีณเน+ติ, (อ่านว่า: ติส ธาตุในความอิ่ม +ติ ปัจจัย), ลบทีสุดธาตุและซ้อน ต ด้วยสูตรว่า ภุชาทีนมนฺโต โน ทฺวิ จ. (รู. ๕๖๐), อันที่จริงศัพท์นี้เป็น อาการนาม แปลว่า ความอิ่ม แต่ในที่นี้แปลว่าเป็นวิกติกัตตา ใน ราชา จึงต้องแปลว่า ผู้อิ่ม เพื่อให้ได้ใจความ.
ราชา (พระราชา, พระเจ้าแผ่นดิน) ราช+สิ เป็น อการันต์ในปุงลิงค์ ส่วนมาก อ การันต์ในปุงลิงค์ ถ้าเป็น สิ วิภัตติให้แปลง สิ เป็น โอ เช่น ปุริโส (บุรุษ, ผู้ชาย) มาจาก ปุริส+สิ. แต่ราชาศัพท์ ให้แปลง สิ เป็น อา. ซึ่งศัพท์มีลักษณะเช่นนี้มีไม่มากนัก เรียกว่า กติปยศัพท์
ธนมฺหิ (ในทรัพย์) ธน+สฺมึ
ปณฺฑิโตปิ (แม้บัณฑิต) ปณฺฑิโต+อปิ
สุภาสิเต (ในคำที่กล่าวแล้วด้วยดี, คำสุภาาษิต) สุภาสิต+สฺมึ
จกฺขุํปิ (แม้จักษุ, ตา) จกฺขุ+อปิ, อํ น่าจำเป็น นิคคหิตอาคม เช่นคำว่า จกฺขุํ อุทปาทิ (จักษุ เกิดขึ้นแล้ว). แต่ในคัมภีร์อื่นๆ เป็น จกฺขุปิ ปิยทสฺสเน.
ปิยทสฺสเน (ในการเห็น-, ในการดูรูปอันเป็นที่รัก) ปิย+ทสฺสน > ปิยทสฺสน+สฺมึ
ชเล (ในน้ำ, สายชล) ชล+สฺมึ
สาคโร (ทะเล, สาคร) สาคร+สิ. คำว่า สาคร ในอภิธานัปปทีปกา-ฏีกา ท่านวิเคราะห์ให้การจำกัดความไว้ว่า ... สคเรหิ ราชกุมาเรหิ ขโต สาคโร, สานํ ธนานํ อากโรติ วา สาคโร, กสฺส โค, สาค สํวรเณ วา, อโรฯ (พื้นที่อันเหล่าราชกุมารพร้อมกับชาวเมือง ขุดไว้ ชื่อว่า สาคร, อนึ่ง บ่อเกิดแห่งทรัพย์อันเป็นของตน ชื่อว่า สาคร, แปลง ก เป็น ค, มาจาก สาค ธาตุในอรรถว่าป้องกัน, อร ปัจจัย.
…ส่วนในคัมภีร์กวิทัปปณนีติ ในบาทคาถาสุดท้าย มีความต่างกัน ซึ่งถือว่าเหมาะสมกว่า เพราะถูกต้องตามคณะฉันท์ ดังนี้
น ติตฺติ ราชา ธนมฺหิ, ปณฺฑิโตปิ สุภาสิเต;
จกฺขุํปิ ปิยทสฺสเน, น ติตฺติ สาคโร ชเลฯ
..
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen