ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม
นักธรรมชั้นโท
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์
ที่
..
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๖
*********
๑.
๑.๑
เทสนา
๒
มีอะไรบ้าง
?
๑.๒
เทสนา
๒
อย่างนั้นต่างกันอย่างไร
จงอธิบาย
?
ตอบ:
๑.๑
มี
ปุคคลาธิฏฐานา
มีบุคคลเป็นที่ตั้ง
๑
ธัมมาธิฏฐานา
มีธรรมเป็น
ที่ตั้ง
๑
ฯ
๑.๒
ต่างกันอย่างนี้
การสอนที่ยกบุคคลมาเป็นตัวอย่าง
เช่น
ในมหาชนกชาดก
สอนเรื่องความเพียร
โดยกล่าวถึงพระมหาชนกโพธิสัตว์ว่า
ทรงมีความเพียรอย่างยิ่ง
พยายามว่ายน้ำในท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นฝั่งอย่างไม่ย่อท้อ
ด้วยความุ่งมั่นที่จะถึงฝั่งให้ได้
เป็น
ปุคคลาธิฏฐานา
ฯ
ส่วนการยกธรรมแต่ละข้อมาอธิบายความหมายอย่างเดียว
เช่น
สติ
แปลว่า
ความระลึกได้
หมายความว่า
ก่อนจะทำ
ก่อนจะพูดอะไร
ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน
จึงทำ
จึงพูดออกไป
เป็นต้น
เป็น
ธัมมาธิฏฐานา
ฯ
๒.
๒.๑
ญาณ
๓
ที่เป็นไปในอริยสัจ
๔
มีอะไรบ้าง
?
๒.๒
ญาณ
๓
ที่เป็นไปในทุกขนิโรธ
มีอธิบายอย่างไร
?
ตอบ:
๒.๑
มี ๑)
สัจจญาณ
ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ
๒)
กิจจญาณ
ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ
๓)
กตญาณ
ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว
ฯ
๒.๒
มีอธิบายอย่างนี้
๑)
ปรีชาหยั่งรู้ว่า
นี้ทุกขนิโรธ
จัดเป็นสัจจญาณ
๒)
ปรีชาหยั่งรู้ว่า
ทุกขนิโรธ
เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง
จัดเป็นกิจจญาณ
๓)
ปรีชาหยั่งรู้ว่า
ทุกขนิโรธ
เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง
ทำให้แจ้งแล้ว
จัดเป็นกตญาณ
ฯ
๓.
๓.๑
คำว่า
“ โสดาบัน
”
แปลว่าอะไร
?
๓.๒
พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันนี้
ท่านละกิเลสอะไรได้ขาดบ้าง
?
ตอบ:
๓.๑
โสดาบัน
แปลว่า
ผู้แรกถึงกระแสพระนิพพาน
มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
จะต้องตรัสรู้ในภายภาคหน้า
ฯ
๓.๒
ท่านละสังโยชน์ได้ขาด
๓
อย่าง
คือ
๑)
สักกายทิฏฐิ
๒)
วิจิกิจฉา
๓)
สีลัพพตปรามาส
ฯ
๔.
๔.๑
ในอปัสเสนธรรม
ข้อว่า
“ พิจารณาแล้วเสพของอย่างหนึ่ง
”
คำว่า
“
ของอย่างหนึ่ง
”
ในข้อนี้ได้แก่อะไร
?
๔.๒
ผู้พิจารณาตามข้อ
๔.๑
นั้น
ได้ประโยชน์อย่างไร
?
ตอบ:
๔.๑
ได้แก่
ปัจจัย
๔
บุคคล
และธรรม
เป็นต้น
ที่ทำให้เกิดความสบาย
ฯ
๔.๒
ได้ประโยชน์อย่างนี้
คือ
ทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
ทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น
ทำกิเลสและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เสื่อมไป
ฯ
๕.
๕.๑
คำว่า
ทักขิณา
ในทักขิณาวิสุทธินั้น
หมายถึงอะไร
?
๕.๒
ทักขิณาจะไม่บริสุทธิ์
และบริสุทธิ์
กำหนดรู้ได้อย่างไร
?
ตอบ:
๕.๑
หมายถึง
ของทำบุญ
ฯ
๕.๒
กำหนดรู้ได้อย่างนี้
ทั้งทายก
ทั้งปฏิคาหกเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์
ทักขิณานั้น
ชื่อว่า
ไม่บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบริสุทธิ์
ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายเดียว
ทั้งสองฝ่ายบริสุทธิ์
ชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
ฯ
๖.
๖.๑
ปัญจขันธ์
ได้ชื่อว่า
มาร
เพราะเหตุไร
?
๖.๒
กิเลสมาร
และมัจจุมาร
จัดเข้าในอริยสัจข้อใดได้หรือไม่
?
เพราะเหตุไร
?
ตอบ:
๖.๑
เพราะบางทีทำความลำบากให้
อันเป็นเหตุเบื่อหน่าย
จนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี
ฯ
๖.๒
ได้
ฯ
กิเลสมาร
จัดเข้าในทุกขสมุทัยสัจ
เพราะกิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
มัจจุมาร
จัดเข้าในทุกขสัจ
เพราะเป็นตัวทุกข์
ฯ
๗.
บุคคลผู้มีปกติต่อไปนี้
จัดเข้าในจริตอะไร
?
จะพึงแก้ด้วยธรรมข้อใด
?
๗.๑
ผู้มีปกติรักสวยรักงาม
๗.๒
ผู้มีปกตินึกพล่าน
ตอบ:
๗.๑
จัดเข้าในราคจริต
ฯ
จะพึงแก้ด้วยเจริญกายคตาสติ
หรืออสุภกัมมัฏฐาน
ฯ
๗.๒
จัดเข้าในวิตักกจริต
ฯ
จะพึงแก้ด้วยเพ่งกสิณ
หรือเจริญอานาปานสติ
ฯ
๘.
๘.๑
พระสงฆ์
ในบทสังฆคุณ
๙
ท่านหมายถึงพระสงฆ์เช่นไร
?
๘.๒
คำว่า
“อุชุปฏิปนฺโน
เป็นผู้ปฏิบัติตรง”
คือปฏิบัติเช่นไร
?
ตอบ:
๘.๑
หมายถึง
พระสาวกผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษ
ฯ
๘.๒
คือไม่ปฏิบัติลวงโลก
ไม่มีมายาสาไถย
ประพฤติตรง
ตรงต่อพระศาสดาและเพื่อนสาวกด้วยกัน
ไม่อำพรางความในใจ
ไม่มีแง่มีงอน
ฯ
๙.
จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
?
๙.๑
อโหสิกรรม
๙.๒
กตัตตากรรม
ตอบ:
๙.๑
คือกรรมให้ผลสำเร็จแล้ว
เป็นกรรมล่วงคราวแล้วเลิกให้ผล
เปรียบเหมือนพืชสิ้นยางแล้ว
เพาะไม่ขึ้น
ฯ
๙.๒
คือ
กรรมสักว่าทำ
ได้แก่กรรมอันทำด้วยไม่จงใจ
ฯ
๑๐.
๑๐.๑
ปังสุกูลิกังคะ
องค์แห่งผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
คืออย่างไร
?
๑๐.๒
ธุดงค์ข้อใด
ที่ภิกษุสมาทานสำเร็จด้วยอิริยาบถ
๓
คือ
ยืน
เดิน
นั่ง
?
ตอบ:
๑๐.๑
คือไม่รับจีวรจากทายก
เที่ยวแสวงหาและใช้เฉพาะแต่ผ้าบังสุกุลมาเย็บย้อมทำจีวรใช้เอง
ฯ
๑๐.๒
คือ
เนสัชชิกังคะ
องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร
ถือเฉพาะอิริยาบถ ๓ คือ ยืน
เดิน และนั่งเท่านั้น ฯ
ผู้ออกข้อสอบ
|
:
|
๑.
พระราชปัญญาเมธี
|
วัดไตรมิตรวิทยาราม
|
๒.
พระศรีมงคลเมธี
|
วัดอาษาสงคราม
|
||
ตรวจ/ปรับปรุง
|
:
|
สนามหลวงแผนกธรรม
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen