ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม
นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันเสาร์
ที่ ..
พฤศจิกายน
พ.ศ.
๒๕๔๗
------------------------------------
๑. กิเลสกามและวัตถุกาม
ได้แก่อะไร ?
อย่างไหนจัดเป็นมารและเป็นบ่วงแห่งมาร
?
เพราะเหตุไร ?
เพราะเหตุไร ?
๑. กิเลสกาม
ได้แก่ เจตสิกอันเศร้าหมอง
ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้
กล่าวคือตัณหา
ความทะยานอยาก ราคะ ความกำหนัด อรติ ความขึ้งเคียด เป็นต้น จัดเป็นมาร
เพราะเป็นโทษล้างผลาญคุณความดีและทำให้เสียคน ฯ
ความทะยานอยาก ราคะ ความกำหนัด อรติ ความขึ้งเคียด เป็นต้น จัดเป็นมาร
เพราะเป็นโทษล้างผลาญคุณความดีและทำให้เสียคน ฯ
วัตถุกาม
ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส
โผฏฐัพพะ อันเป็นของน่าชอบใจ
จัดเป็นบ่วงแห่ง
มาร เพราะเป็นอารมณ์ผูกใจให้ติดแห่งมาร ฯ
มาร เพราะเป็นอารมณ์ผูกใจให้ติดแห่งมาร ฯ
๒. พระบรมศาสดาทรงแสดงอานิสงส์แห่งวิปัสสนาไว้ในอนัตตลักขณสูตรอย่างไร
?
๒. ทรงแสดงไว้ว่า
เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตวา
อริยสาวโก เป็นต้น ความว่า
ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมฟอกจิต
ให้หมดจด เพราะการฟอกจิตให้หมดจดได้ จิตนั้นก็พ้นจากอาสวะทั้งปวง เมื่อจิต
พ้นพิเศษแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า พ้นแล้ว และเธอรู้ประจักษ์ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์คือกิจพระศาสนาได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเช่นนี้ไม่มีอีก ฯ
ทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมฟอกจิต
ให้หมดจด เพราะการฟอกจิตให้หมดจดได้ จิตนั้นก็พ้นจากอาสวะทั้งปวง เมื่อจิต
พ้นพิเศษแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่า พ้นแล้ว และเธอรู้ประจักษ์ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์คือกิจพระศาสนาได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเช่นนี้ไม่มีอีก ฯ
๓. ไตรลักษณ์
ที่ว่าเห็นได้ยากนั้น
เพราะอะไรปิดบังไว้ ?
ผู้พิจารณาเห็นอนิจจตา
ความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมได้รับอานิสงส์อย่างไร ?
ความเป็นของไม่เที่ยง ย่อมได้รับอานิสงส์อย่างไร ?
๓. อนิจจตา
มีสันตติ ความสืบต่อแห่งนามรูป
ปิดบังไว้ ทุกขตา มีอิริยาบถ
ความผลัด
เปลี่ยนอิริยาบถ ปิดบังไว้ อนัตตตา มีฆนสัญญา ความสำคัญเห็นเป็นก้อน ปิดบังไว้ ฯ
เปลี่ยนอิริยาบถ ปิดบังไว้ อนัตตตา มีฆนสัญญา ความสำคัญเห็นเป็นก้อน ปิดบังไว้ ฯ
ย่อมได้รับอานิสงส์
คือเพิกถอนสันตติได้
ทำให้เห็นความเกิดขึ้นและความดับไป
ความไม่เที่ยงแห่งสังขารทั้งหลายด้วยปัญญาอันชอบ ย่อมเบื่อหน่ายในสังขารอันเป็น
ทุกข์ ดำเนินไปในหนทางแห่งความบริสุทธิ์ ฯ
ความไม่เที่ยงแห่งสังขารทั้งหลายด้วยปัญญาอันชอบ ย่อมเบื่อหน่ายในสังขารอันเป็น
ทุกข์ ดำเนินไปในหนทางแห่งความบริสุทธิ์ ฯ
๔. ความเกิด
ความแก่ และความตาย
จัดเข้าในทุกข์หมวดไหน ?
โดยรวบยอด
ทุกข์ที่
แสดงในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้แก่ทุกข์เช่นไร ?
แสดงในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ได้แก่ทุกข์เช่นไร ?
๔. จัดเข้าในสภาวทุกข์
คือ ทุกข์ประจำสังขาร ฯ
ได้แก่
อุปาทานขันธ์ ๕ ฯ
๕. จริตของคนในโลกนี้มีกี่ประเภท
?
อะไรบ้าง
?
คนสูงอายุมีความกังวลนอนไม่หลับ
เพราะคิดห่วงลูกหลานเป็นต้น จัดเป็นคนมีจริตอะไร ? กัมมัฏฐานข้อใดเป็นที่สบาย
แก่คนจริตนั้น ?
เพราะคิดห่วงลูกหลานเป็นต้น จัดเป็นคนมีจริตอะไร ? กัมมัฏฐานข้อใดเป็นที่สบาย
แก่คนจริตนั้น ?
๕. มี
๖ ประเภท ฯ คือ ราคะจริต ๑
โทสะจริต ๑ โมหะจริต ๑ วิตกจริต
๑
สัทธาจริต ๑ พุทธิจริต ๑ ฯ มีวิตกจริต ฯ ข้ออานาปานสติ หรือ กสิณ ฯ
สัทธาจริต ๑ พุทธิจริต ๑ ฯ มีวิตกจริต ฯ ข้ออานาปานสติ หรือ กสิณ ฯ
๖. ในอนุสสติ
๑๐ ข้อว่า มรณัสสติ ไม่ใช้ว่า
มรณานุสสติ เพราะเหตุไร ?
๖. ที่ไม่ใช้อย่างนั้น
ก็เพราะท่านสอนให้ผู้พิจารณาเห็นปรากฏชัดเป็นปัจจุบันธรรม
จะได้
เกิดความไม่ประมาท เป็นผู้แกล้วกล้าไม่ย่อท้อต่อความตาย หากจะไปเหนี่ยวรั้งเอา
ความตายที่ล่วงมาแล้วยกขึ้นพิจารณา ในบางขณะอาจเกิดความกลัวตายขึ้นก็ได้ ฯ
เกิดความไม่ประมาท เป็นผู้แกล้วกล้าไม่ย่อท้อต่อความตาย หากจะไปเหนี่ยวรั้งเอา
ความตายที่ล่วงมาแล้วยกขึ้นพิจารณา ในบางขณะอาจเกิดความกลัวตายขึ้นก็ได้ ฯ
๗. พระพุทธคุณบทว่า
สุคโต นั้น เป็นพระคุณส่วนอัตตสมบัติ
และส่วนปรหิตปฏิบัติ
อย่างไร ? จงอธิบาย
อย่างไร ? จงอธิบาย
๗. พระคุณส่วนอัตตสมบัติ
คือ เสด็จออกผนวชไม่ย่อท้อ
เสด็จดำเนินไปตาม
อัฏฐังคิกมรรคเป็นมัชฌิมาปฏิปทา มิได้ทรงกลับคืนมาสู่อำนาจกิเลสที่พระองค์
ทรงละได้แล้ว จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เสด็จไปในที่ใด ก็ทรงไม่มี
อันตรายใดจักเกิดแก่พระองค์ได้ เสด็จไปกลับได้โดยสวัสดี ฯ
อัฏฐังคิกมรรคเป็นมัชฌิมาปฏิปทา มิได้ทรงกลับคืนมาสู่อำนาจกิเลสที่พระองค์
ทรงละได้แล้ว จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เสด็จไปในที่ใด ก็ทรงไม่มี
อันตรายใดจักเกิดแก่พระองค์ได้ เสด็จไปกลับได้โดยสวัสดี ฯ
พระคุณส่วนปรหิตปฏิบัติ
คือ เสด็จจาริกไปในสถานที่ต่างๆ
เทศนาโปรดมหาชน
ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ให้ได้รับประโยชน์ทั้งปัจจุบัน อนาคต และประโยชน์อย่างยิ่ง
คือพระนิพพาน อนึ่ง ทรงมีพระวาจาดี คือทรงกล่าวแต่คำที่จริงที่แท้ ประกอบด้วย
ประโยชน์แก่บุคคลที่ควรกล่าว เสด็จไประงับอันตรายด้วยความอนุเคราะห์เกื้อกูล
แก่ปวงชน แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ทรงฝากรอยจารึก คือพระคุณความดี
ในโลก ดุจฝนตกลงยังพืชให้เผล็ดผล เป็นประโยชน์แก่คนและสัตว์ผู้พึ่งแผ่นดิน ฯ
ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ให้ได้รับประโยชน์ทั้งปัจจุบัน อนาคต และประโยชน์อย่างยิ่ง
คือพระนิพพาน อนึ่ง ทรงมีพระวาจาดี คือทรงกล่าวแต่คำที่จริงที่แท้ ประกอบด้วย
ประโยชน์แก่บุคคลที่ควรกล่าว เสด็จไประงับอันตรายด้วยความอนุเคราะห์เกื้อกูล
แก่ปวงชน แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ทรงฝากรอยจารึก คือพระคุณความดี
ในโลก ดุจฝนตกลงยังพืชให้เผล็ดผล เป็นประโยชน์แก่คนและสัตว์ผู้พึ่งแผ่นดิน ฯ
๘. กิจ
เหตุ และผลของวิปัสสนา
ได้แก่อะไร ?
๘. กิจ
ได้แก่ การกำจัดความมืดคือโมหะ
อันปิดบังปัญญาไว้
ไม่ให้เห็นตามความเป็นจริง
เหตุ ได้แก่ การที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน
เหตุ ได้แก่ การที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน
ผล
ได้แก่ การเห็นสังขารตามความเป็นจริง
ฯ
๙. วิปัลลาสข้อว่า
“ วิปัลลาสในของที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข
” จะถอนได้ด้วยสัญญาอะไร
ในสัญญา ๑๐ ? ใจความว่าอย่างไร ?
ในสัญญา ๑๐ ? ใจความว่าอย่างไร ?
๙. จะถอนได้ด้วยอาทีนวสัญญา
ฯ
ใจความว่า
ภิกษุย่อมพิจารณาอย่างนี้ว่า
กายอันนี้แล มีทุกข์มาก
มีโทษมาก
เหล่าอาพาธต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นในกายนี้ ฯ
เหล่าอาพาธต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นในกายนี้ ฯ
๑๐. ในมหาสติปัฏฐานสูตร
สติปัฏฐาน ๔ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่ากระไร
?
สติปัฏฐาน
๔ นั้น
มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง ?
มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง ?
๑๐. เอกายนมรรค
ฯ
มีอานิสงส์
๕ ประการ คือ
๑.
เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย
๒.
เพื่อความข้ามพ้นโสกะและปริเทวะ
๓.
เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
๔.
เพื่อบรรลุธรรมที่ควรรู้
๕.
เพื่อการทำให้แจ้งพระนิพพาน
ฯ
ผู้ออกข้อสอบ
|
:
|
|
พระธรรมธีรราชมหามุนี
|
วัดปากน้ำ
|
|
|
|
พระราชนันทมุนี
|
วัดละหาร
|
ตรวจ/ปรับปรุง
|
:
|
|
สนามหลวงแผนกธรรม
|
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen