Montag, 25. März 2019

ปัญหาและเฉลย(วิชาวินัยบัญญัติ) นักธรรมชั้นเอก ปี 2545


ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นเอก
สอบในสนามหลวง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.. ๒๕๔๕
------------------
. . คำว่า ญัตติ อนุสาวนา อปโลกนะ อุปสัมปทาเปกขะ ได้แก่อะไร ? จงชี้แจง
. ภิกษุผู้สามารถสวดกรรมวาจาได้แม่นยำและสละสลวย ต้องพร้อมด้วยคุณสมบัติ
อย่างไรบ้าง ?
. . ญัตติ ได้แก่คำเผดียงสงฆ์
อนุสาวนา ได้แก่คำประกาศปรึกษาและตกลงของสงฆ์
อปโลกนะ ได้แก่การบอกกันในที่ประชุมสงฆ์ ไม่ต้องตั้งญัตติ
ไม่ต้องสวดอนุสาวนา
อุปสัมปทาเปกขะ ได้แก่กุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบท ฯ
. อย่างนี้ คือ
) รู้จักประเภทของอักขระ
) รู้จักฐานกรณ์ของอักขระ
) ว่าเป็น ฯ



. . ภิกษุผู้นับเข้าในจำนวนสงฆ์ผู้ทำกรรมนั้นๆ ต้องเป็นภิกษุเช่นไร ?
. เวลาทำสังฆกรรม ภิกษุที่อยู่ในสีมาเดียวกัน นับเข้าในจำนวนสงฆ์ผู้ทำกรรม
ทั้งหมดใช่หรือไม่ ? จงอธิบาย
. . ต้องเป็นภิกษุปกติ ไม่ถูกสงฆ์ยกเสียจากหมู่ด้วยอุกเขปนียกรรม มีสังวาส
เสมอด้วยสงฆ์ และเป็นสมานสังวาสของกันและกัน ฯ
. ไม่ใช่ เพราะภิกษุที่เหลือจากจำนวนผู้ไม่มาเข้ากรรม เป็นผู้ควรให้ฉันทะ สงฆ์
ทำกรรมเพื่อภิกษุใด ภิกษุนั้นก็ไม่นับเข้าในจำนวนสงฆ์ และไม่ใช่ผู้ควรให้ฉันทะ
แต่เป็นผู้ควรเข้ากรรมนั้น ฯ


. . วิสุงคามสีมา พัทธสีมา ได้แก่สีมาเช่นไร ?
. กฐิน เป็นสังฆกรรมอะไร ? การรับกฐิน ตลอดจนถึงกราน ต้องทำในสีมา
อย่างเดียว หรือทำนอกสีมาก็ได้ ?
. . วิสุงคามสีมา ได้แก่เขตที่สงฆ์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตยกให้เป็น
แผนกหนึ่งจากบ้าน ฯ
พัทธสีมา ได้แก่วิสุงคามสีมานั้นเองอันสงฆ์ผูกแล้ว คือสมมติเป็นสมานสังวาส
สีมาแล้ว ฯ
. เป็นญัตติทุติยกรรม ฯ การรับกฐิน การอปโลกน์เพื่อให้ผ้ากฐิน และการกรานกฐิน
ทำในสีมาหรือนอกสีมาก็ได้ การสวดญัตติทุติยกรรมวาจาให้ผ้ากฐิน ต้องทำในสีมา
อย่างเดียว ฯ


. . กฐินจะเดาะหรือไม่เดาะ กำหนดรู้ได้อย่างไร ?
. ผ้าที่ทรงห้ามใช้เป็นผ้ากฐินได้แก่ผ้าเช่นไรบ้าง ?
. . กฐินเดาะ กำหนดรู้ได้ด้วยอาวาสปลิโพธและจีวรปลิโพธขาด หรือสิ้นเขตจีวรกาลที่
ขยายออกไปอีก ๔ เดือน กฐินไม่เดาะ กำหนดรู้ได้ด้วยอาวาสปลิโพธหรือ จีวร
ปลิโพธอย่างใดอย่างหนึ่งยังไม่ขาด และยังอยู่ในเขตจีวรกาลที่ขยายออกไปอีก ๔
เดือน ฯ
. เช่นนี้ คือ
) ผ้าที่ไม่ได้เป็นสิทธิ เช่น ผ้าที่ขอยืมเขามา
) ผ้าที่ได้มาโดยอาการอันมิชอบ คือทำนิมิตได้มา
) ผ้าที่ได้มาโดยการพูดเลียบเคียง
) ผ้าเป็นนิสสัคคีย์
) ผ้าที่ได้มาโดยทางบริสุทธิ์ แต่เก็บไว้ค้างคืน ฯ


. . ผู้ที่ถูกห้ามอุปสมบท เพราะทำผิดต่อพระศาสนา ได้แก่คนเช่นไร ?
. ในเวลาสวดกรรมวาจานั้น กำหนดด้วยสงฆ์นิ่งอยู่จนถึงบาลีคำใด อุปสมบทกรรม
จึงจะนับว่าเป็นการสำเร็จ ?
. . ได้แก่
) คนฆ่าพระอรหันต์
) คนทำร้ายภิกษุณี
) คนลักเพศ
) ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์
) ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว
) ภิกษุผู้ทำสังฆเภท
) คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต ฯ
. กำหนดด้วยสงฆ์นิ่งอยู่จนถึงคำว่า โส ภาเสยฺย ที่แปลว่า ท่านผู้นั้นพึงพูดท้ายอนุสาวนาที่ ๓ จึงนับว่าเป็นการสำเร็จ ฯ


. . อนุวาทาธิกรณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไม่รีบระงับ มีผลเสียอย่างไร ?
. ภิกษุผู้ต้องอนุวาทาธิกรณ์ พึงปฏิบัติอย่างไร ?
. . มีผลเสีย คือทำให้เสียสีลสามัญญตาและเสียสามัคคี เป็นทางแตก เป็นนานา-
สังวาส จนถึงเป็นนานานิกาย ฯ
. พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ
) เคารพในผู้พิจารณา
) ให้การตามความเป็นจริง
) พึงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของสงฆ์
) ไม่ขุ่นเคือง ฯ


. . ลักษณะปกปิดอาบัตินั้น พระอรรถกถาจารย์ แสดงไว้กี่ประการ ? อะไรบ้าง ?
. ภิกษุผู้เป็นโจทก์ จงใจหาความเท็จใส่ภิกษุอื่น และภิกษุผู้เป็นจำเลย จงใจปกปิด
ความประพฤติเสียของตนด้วยให้การเท็จ สงฆ์พึงนิคคหะด้วยกรรมอะไร ?
. . แสดงไว้ ๑๐ ประการ จัดเป็น ๕ คู่ คือ
) เป็นอาบัติ และรู้ว่าเป็นอาบัติ
) เป็นปกตัตตะ และรู้ว่าเป็นปกตัตตะ
) ไม่มีอันตราย และรู้ว่าไม่มีอันตราย
) อาจอยู่ และรู้ว่าอาจอยู่
) ใคร่จะปิด และปิดไว้ ฯ
. สงฆ์พึงทำ ตัชชนียกรรม แก่ภิกษุผู้เป็นโจทก์ และตัสสปาปิยสิกากรรม แก่
ภิกษุผู้เป็นจำเลย ฯ


พระราชบัญญัติคณะสงฆ์

 
. . ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ใครเป็นผู้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ?
ตอบโดยอ้างมาตรา
. คำว่า คณะสงฆ์ และคณะสงฆ์อื่น แห่งมาตรา ๕ ทวิ ในพระราชบัญญัติ
คณะสงฆ์หมายถึงใคร ?
 
. . มาตรา ๗ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง ฯ
. คณะสงฆ์ หมายถึงบรรดาพระภิกษุที่ได้รับบรรพชาอุปสมบทจากพระ
อุปัชฌาย์ ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับก่อนพระราช-
บัญญัตินี้ ไม่ว่าจะปฏิบัติศาสนกิจในหรือนอกราชอาณาจักร ฯ
คณะสงฆ์อื่น หมายถึงบรรดาบรรพชิตจีนนิกายหรืออนัมนิกาย ฯ


. . คณะสงฆ์จะตั้งเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคมได้หรือไม่ ?
จงอ้างมาตรา
. จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
  1. ที่วัด
) ที่ธรณีสงฆ์ ) ที่กัลปนา
. . ไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๒๐ ความว่า คณะสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้การปกครอง
ของมหาเถรสมาคม ฯ
. ) ที่วัด คือที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
) ที่ธรณีสงฆ์ คือที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
) ที่กัลปนา คือที่ซึ่งมีผู้อุทิศแต่ผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา ฯ


๑๐. ๑๐. ผู้มิได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ หรือถูกถอดถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์
กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษอย่างไร ?
๑๐. ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาเถรสมาคมคือใคร ?

๑๐. ๑๐. ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ฯ
๑๐. คืออธิบดีกรมการศาสนาโดยตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา ๑๓ ความว่า ให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง ฯ


ผู้ออกข้อสอบ
:
.
พระเทพรัชมงคลเมธี
วัดนรนาถสุนทริการาม


.
พระเทพเวที
วัดชนะสงคราม


.
พระศรีรัตนโมลี
วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
ตรวจ/ปรับปรุง
:
โดยสนามหลวงแผนกธรรม


Keine Kommentare: