๑.
๑.๑
ในครั้งพุทธกาล
ชาวชมพูทวีปส่วนมากนับถือศาสนาอะไร
?
๑.๒
ชนเหล่านั้นมีความคิดเห็น
เรื่องความตาย และความเกิด
โดยสรุปอย่างไร ?
ตอบ:
๑.๑
ศาสนาพราหมณ์
๑.๒
เห็นอย่างนี้
คือเห็นว่าตายแล้วเกิดอย่างหนึ่ง
เห็นว่าตายแล้วสูญอย่างหนึ่ง
๒.
๒.๑
กาฬเทวิลดาบส
กราบที่พระบาทพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ
เพราะเหตุไร ?
๒.๒
พระราชโอรสนั้น
ประสูติได้ ๕ วัน และ ๗ วัน
มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น
?
ตอบ:
๒.๑
เพราะเห็นพระราชโอรสนั้นมีลักษณะต้องด้วยตำรับมหาบุรุษลักษณะครั้นเห็นอัศจรรย์เช่นนั้นแล้วก็มีความเคารพนับถือจึงกราบที่พระบาทของพระราชโอรสนั้น
๒.๒
เมื่อประสูติได้
๕ วัน
พระราชบิดาโปรดให้ชุมนุมพระญาติวงศ์และ เสนามาตย์พร้อมกัน
เชิญพราหมณ์ ๑๐๘
คนมารับโภชนาหารแล้ว ทำมงคลรับพระลักษณะและขนานพระนามว่า
“
สิทธัตถกุมาร ”
เมื่อประสูติได้
๗ วัน พระนางเจ้ามายาผู้เป็นพระราชมารดาสิ้นพระชนม์
๓.
๓.๑
อะไรเป็นมูลเหตุให้เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช
?
๓.๒
พระสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา
ด้วยวิธีอย่างไรบ้าง ?
ตอบ:
๓.๑
พระอรรถกถาจารย์แสดงตามนัยมหาปทานสูตรว่า
ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง
๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย
และสมณะ ทรงสังเวช
เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต
๓ ข้างต้น
ยังความพอพระหฤทัยในการออกผนวชให้เกิดขึ้น
เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นสมณะ
๓.๒
วิธีแรก
ทรงกดพระทนต์ด้วยพระทนต์
กดพระตาลุด้วยพระชิวหา
วิธีที่สอง
ทรงผ่อนกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ
วิธีที่สาม
ทรงอดพระกระยาหาร
๔.
๔.๑
พระสิทธัตถะทรงบำเพ็ญเพียรอยู่เป็นเวลากี่ปีจึงได้ตรัสรู้
?
๔.๒
ในวันตรัสรู้ทรงอธิษฐานพระหฤทัยที่ใต้ต้นมหาโพธิ์ว่าอย่างไร
?
ตอบ:
๔.๑
เป็นเวลา
๖ ปี
๔.๒
ทรงอธิษฐานพระหฤทัยว่า
"
ยังไม่บรรลุโพธิญาณเพียงใด
จักไม่ลุกขึ้นเพียงนั้น
เนื้อเลือดแห้งไป
เหลือหนังหุ้มกระดูกก็ตาม
"
๕.
๕.๑
พระสิทธัตถะทรงผจญมารได้ชัยชนะด้วยบารมีธรรมอะไรบ้าง
?
๕.๒
จงให้ความหมายของคำว่า
ปฐมเทศนา และมัชฌิมาปฏิปทา
ตอบ:
๕.๑
ด้วยบารมีธรรม
๑๐ อย่าง คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ
ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ
อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา
๕.๒
ปฐมเทศนา
คือการแสดงธรรมครั้งแรก
มัชฌิมาปฏิปทา
คือข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง
๖.
๖.๑
คำว่า
"
ที่นี่วุ่นวายหนอ
ที่นี่ขัดข้องหนอ
"
เป็นคำอุทานของใคร
?
เพราะเหตุใดจึงอุทานเช่นนั้น
?
๖.๒
พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวไว้อย่างไรบ้าง
?
จงบอกมา
๕ สาเหตุ
ตอบ:
๖.๑
ของยสกุลบุตร,
เพราะเห็นอาการพิกลต่าง
ๆ ของหมู่ชนบริวารที่นอนหลับ
ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความยินดีเหมือนเมื่อก่อน
หมู่ชนบริวารเหล่านั้นปรากฏ แก่ยสกุลบุตร
ดุจซากศพที่ทิ้งอยู่ในป่าช้า
ครั้นเห็นแล้วเกิดความสังเวชสลดใจ
คิดเบื่อหน่าย จึงได้ออกอุทานเช่นนั้น
๖.๒
ตรัสถึงสาเหตุดังต่อไปนี้
(เลือกตอบเพียง
๕ ข้อ)
๑)
ลมกำเริบ
๒)
ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล
๓)
พระโพธิสัตว์จุติจากดุสิตลงสู่พระครรภ์
๔)
พระโพธิสัตว์ประสูติ
๕)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๖)
พระพุทธเจ้ายังธรรมจักรให้เป็นไป
๗)
พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร
๘)
พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
๗.
๗.๑
สังเวชนียสถาน
๔ มีอะไรบ้าง ?
๗.๒
พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระอานนท์เกี่ยวกับการที่ภิกษุจะพึงปฏิบัติต่อสตรีไว้อย่างไร
?
ตอบ:
๗.๑
มี ๑)
สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ
๒)
สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
๓)
สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
๔)
สถานที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
๗.๒
ทรงแสดงว่า
"
ไม่เห็นเสียเลยดีกว่า
ถ้าจำเป็นจะต้องเห็นก็อย่าพูดด้วย
ถ้าจำเป็นจะต้องพูดก็ให้มีสติสำรวมระวังอย่าให้แปรปรวนไปด้วยราคะ
"
ศาสนพิธี
๘.
๘.๑
ศาสนพิธีมีกี่หมวด
?
อะไรบ้าง
?
๘.๒
พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
หมายถึงอะไร ?
ตอบ:
๘.๑
มี
๔ หมวดคือ
๑)
หมวดกุศลพิธี
ว่าด้วยพิธีบำเพ็ญกุศล
๒)
หมวดบุญพิธี
ว่าด้วยพิธีทำบุญ
๓)
หมวดทานพิธี
ว่าด้วยพิธีถวายทาน
๔)
หมวดปกิณกะ
ว่าด้วยพิธีเบ็ดเตล็ด
๘.๒
หมายถึง
การประกาศตนของผู้แสดงว่าเป็นผู้รับนับถือพระพุทธเจ้า เป็นของตน
เป็นการแสดงตนให้ปรากฏว่า
ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาประจำชีวิตของตน
๙.
๙.๑
ในงานมงคลควรจุดเทียนน้ำมนต์เมื่อไร
?
๙.๒
จงอธิบายวิธีปฏิบัติในการประเคนของถวายพระ
ตอบ:
๙.๑
เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
ถึงมงคลสูตร ขึ้นต้นบทว่า
อเสวนา
จ พาลานํ
๙.๒
มีวิธีปฏิบัติดังนี้คือ
ก)
พึงนำของที่จะประเคนเข้าไปให้ใกล้พระผู้รับประมาณหนึ่งศอก
จะนั่งหรือยืน
แล้วแต่สถานที่ที่พระนั่งอยู่นั้นจะอำนวย
ข)
จับของที่จะประเคนด้วยมือทั้งสอง
หรือมือเดียวก็ได้
ยกขึ้นให้สูงเล็กน้อยแล้วน้อมถวายพระ
ซึ่งท่านจะยื่นมือทั้งสองออกมารับ
หากว่าผู้ถวายเป็นสตรี
พึงวางของลงบนผ้ากราบที่พระปูไว้ข้างหน้า
เสร็จแล้วพึงไหว้หรือกราบก็เป็นอันเสร็จวิธีการประเคน
การประเคนนี้ต้องแสดงออกด้วยความเคารพ
ไม่ใช่เสือกไสให้
หรือทิ้งให้โดยไม่เคารพ
อีกอย่างของที่จะประเคนนั้น
ต้องเป็นสิ่งของที่คน ๆ
เดียวพอยกได้อย่างธรรมดา
ไม่ใช่ของหนักหรือใหญ่จนเกินไป
๑๐.
๑๐.๑
ปาฏิบุคลิกทาน
หมายถึงอะไร ?
๑๐.๒
สังฆทาน
หมายถึงอะไร ?
ตอบ:
๑๐.๑
หมายถึง
ทานที่ถวายเจาะจงเฉพาะรูปนั้นรูปนี้
๑๐.๒
หมายถึง
ทานที่ถวายไม่เจาะจงรูปใด
มอบเป็นของกลางให้สงฆ์จัดเฉลี่ยกันใช้สอยเอง
|
Keine Kommentare:
Kommentar veröffentlichen