๖. รจนาคัมภีร์
นิสฺสาย เปฏเก เจว, อเนกนีติโปตฺถเก;
พหุเล คนฺถเสฏฺเฐปิ, กโตยํ วิธุมานิโตฯ
"ข้าพเจ้าอาศัยพระไตรปิฏกทั้งหลาย
กับคัมภีร์นีติต่าง ๆ อีกมากมาย
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภคาถา ๒-๖)
..
๖. รจนาคัมภีร์
นิสฺสาย เปฏเก เจว, อเนกนีติโปตฺถเก;
พหุเล คนฺถเสฏฺเฐปิ, กโตยํ วิธุมานิโตฯ
"ข้าพเจ้าอาศัยพระไตรปิฏกทั้งหลาย
กับคัมภีร์นีติต่าง ๆ อีกมากมาย
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภคาถา ๒-๖)
..
๕. เป็นเจ้าคณะวัดโชติปาละ
สุนฺทเร ปุรเสฏฺฐมฺหิ, สุนฺทเร วิสุเต สุเภ;
สุนฺทเร โชติปาลมฺหิ, วสตา คณวาจินาฯ
ได้เป็นอาจารย์สอนหมู่คณะอยู่ในวัดชื่อโชติปาล
อันน่าอยู่ ที่มีที่อยู่สะอาดสวยงาม ในหัวเมืองที่เจริญ.
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภกถา ๕)
..
๔. ศึกษาต่อจนสำเร็จ
ทกฺขิณารามวาสีนํ, สนฺติเกปิ สุวิญฺญุนํ;
สิกฺขิเตน สตฺตวีส-วสฺสิตฺวาน ยสสฺสินาฯ
"ได้อยู่ศึกษาตลอดเวลา ๒๗ ปี ทั้งในสำนักของ
อาจารย์ทั้งหลายผู้แตกฉานผู้อยู่ในทักษิณาราม
จนสำเร็จการศึกษา.“
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภกถา ๔)
……
๓. ศึกษาพระไตรปิฏกและทำหน้าที่สังคายนา
วิสุตาราม สีหานํ, สิกฺขิเตน ติเปฏกํ;
สนฺติเก นววสฺสานิ, สํคีติกิจฺจการินาฯ
"ได้ศึกษาพระไตรปิฏกของชาวสีหล
ในอารามที่จำพรรษาและทำหน้าที่
ด้านการสังคายนาสิ้น ๙ ปี ในสำนัก.
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภกถา ๓)
……
๒. ปีเกิด-ทีเคยศึกษา
ทฺวิโน ทฺวิเวก สากมฺหิ, ตมฺหิ ชาเตน ชาติยา;
ลงฺกาภารตอาทีสุ, วุฏฺฐปุพฺพ สุเตสินาฯ
ข้าพเจ้าเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๑๒๑ ในจังหวัดนั้น.
เคยศึกษาอยู่เกาะลังกาและอินเดียเป็นต้น.
(กวิทปฺปณนีติ อารมฺภกถา ๒)
…..
กวิทปฺปณนีติ
๑. สถานที่แต่งคัมภีร์
ปขุกฺกูปุรเสฏฺฐสฺส , ปจฺฉิเม อาสิ วิสฺสุโต;
จตุคาวุตเทสมฺหี, กนรยคาโม สุโสภโนฯ
หมู่บ้านชื่อว่า กนรยะ ที่น่าอยู่อาศัย
ในพื้นที่มีโยชน์หนึ่งเป็นประมาณ
(กวิทปฺปณนีติ ๑ นิคมคาถา)
…..
๓๓๖. สิ่งที่ควรและไม่ควรใส่ใจ
ครหา จ ปสํสา จ, อนิจฺจา ตาวกาลิกา;
อปฺปกาเจกเทสาว, น ตา อิกฺเขยฺย ปณฺฑิโต;
ธมฺมาธมฺมํว อิกฺเขยฺย, อตฺถานตฺถํ หิตาหิตํฯ
การนินทาและการสรรเสริญ,
ไม่จีรังยั้งยืน เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว,
เป็นของเล็กน้อยและเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น,
บัณฑิตไม่ควรสนใจเรื่องเหลานั้น.
ควรใส่ใจสภาพที่เป็นธรรมะและอธรรมะ
ควรเอาใจใส่เรื่องที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
และเรื่องทีมิใช่ประโยชน์กูลก็พอแล้ว.
(กวิทปฺปณนีติ ๓๓๖)
..
ปมาทํ ภยโต ทิสฺวา, อปฺปมาทญฺจ เขมโต;
ภาเวถฏฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, เอสา พุทฺธานุสาสนีฯ
"ท่านทั้งหลายจงเห็นความประมาทโดยความเป็นภัย
และเห็นความไม่ประมาทโดยเป็นทางเกษมแล้ว
จงเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการเถิด
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.“
(กวิทปฺปณนีติ ๓๓๕, ขุ. อป. ๓๒/๑, ขุ. จริยา. ๓๓/ตสฺสุทฺทาน)
..
ศัพท์น่ารู้ :
ปมาทํ (ความประมาท) ปมาท+อํ
ภยโต (โดยความเป็นภัย, -น่ากลัว) ภย+โต ปัจจัย
ทิสฺวา (เห็นแล้ว, เพราะเห็น) ทิส-เปกฺขเณ+ตฺวา+สิ
อปฺปมาทญฺจ = อปฺปมาทํ+จ, อปฺปมาท+อํ > อปฺปมาทํ (ความไม่ประมาท), จ (ด้วย, และ) สมุจจยตฺถนิบาต
เขมโต (โดยเป็นทางเกษม, -ปลอดภัย) เขม+โต ปัจจัย
ภาเวถฏฺฐงฺคิกํ = ภาเวถ+อฏฺฐงฺคิกํ, ภู-สตฺตายํ +เณ การิตปัจจัย +ถ ภูวาทิคณะ เหตุกัตตุวาจก แปลตามสำนวนวาจกว่า จงยังมรรค..ให้มี (ให้เป็น) แปลโดยอรรถว่า จงเจริญซึ่งมรรค.., จงเจริญมรรค.., อฏฺฐงฺคิก+อํ > อฏฺฐงฺคิกํ (ประกอบแล้วด้วยองค์แปด, มรรคมีองค์แปด) วิเสสนะของ มคฺคํ.
มคฺคํ (มรรค, ทาง) มคฺค+อํ
เอสา (นี้, นั่น) เอตา+สิ
พุทฺธานุสาสนี (คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ท.) พุทฺธานุสาสนี+สิ
——
ลองแปลทีละวลี :
ปมาทํ ภยโต ทิสฺวา, | เพราะเห็นความประมาทโดยความเป็นภัย
อปฺปมาทญฺจ เขมโต; | และเห็นความไม่ประมาทโดยเป็นทางเกษมแล้ว
ภาเวถฏฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, | ท่านทั้งหลายจงเจริญมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการเถิด
เอสา พุทฺธานุสาสนีฯ | นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
คาถานี้กับอีกสองคาถาก่อน รวมเป็น ๓ คาถา มีอาคตสถานที่มาเดียวกัน ตามที่ได้แสดงไว้แล้วนั้นแล. เวลาท่องก็ควรท่องให้ครบทั้งสามคาถาเพื่อความสมบูรณ์ดุจกินยารักษาโรคครบชุด ฉะนั้น.
๓๓๔. จงสมัครสมานกันเถิด
วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา, อวิวาทญฺจ เขมโต;
สมคฺคา สขิลา โหถ, เอสา พุทฺธานุสาสนีฯ
ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย
และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นทางเกษมแล้ว
จงกล่าวคำอ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
(กวิทปฺปณนีติ ๓๓๔, ขุ. อป. ๓๒/๑, ขุ. จริยา. ๓๓/ตสฺสุทฺทาน)
๓๓๓. จงปรารภความเพียรเถิด
โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา, วีริยารมฺภญฺจ เขมโต;
อารทฺธวีริยา โหถ, เอสา พุทฺธานุสาสนีฯ
ท่านทั้งหลายจงเห็นความเกียจคร้านโดยความเป็นภัย
และเห็นการปรารภความเพียรโดยเป็นทางเกษม
แล้วจงปรารภความเพียรเถิด
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
(กวิทปฺปณนีติ ๓๓๓, ขุ. อป. ๓๓/๑, ขุ. จริยา. ๓๓/ตสฺสุทฺทานคาถา)
..